เมนู

พระวินัยปิฎก ปริวาร [อุปาลิปัญจกะ] 5. อัตตาทานวรรค
2. อนึ่ง ถ้าภิกษุพิจารณารู้อย่างนี้ว่า ‘ถึงเวลาที่จะรับอธิกรณ์นี้ ไม่
ใช่ยังไม่ถึงเวลา’ ภิกษุนั้นพึงพิจารณายิ่งขึ้นอีกว่า ‘ข้อที่เราประสงค์
จะรับอธิกรณ์นี้ อธิกรณ์ที่เราจะรับนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง’ ถ้า
ภิกษุพิจารณารู้อย่างนี้ว่า ‘อธิกรณ์ที่จะรับนี้ไม่จริง ไม่ใช่เรื่องจริง’
ก็ไม่ควรรับอธิกรณ์นั้น
3. อนึ่ง ถ้าภิกษุพิจารณารู้อย่างนี้ว่า ‘อธิกรณ์นี้เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่
เรื่องไม่จริง’ ภิกษุนั้นพึงพิจารณายิ่งขึ้นอีกว่า ‘ข้อที่เราประสงค์จะ
รับอธิกรณ์นี้ อธิกรณ์นี้มีประโยชน์หรือไม่มี’ ถ้าภิกษุพิจารณารู้
อย่างนี้ว่า ‘อธิกรณ์นี้ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ ไม่ใช่ประกอบด้วย
ประโยชน์’ ก็ไม่ควรรับอธิกรณ์นั้น
4. อนึ่ง ถ้าภิกษุพิจารณารู้อย่างนี้ว่า ‘อธิกรณ์นี้ประกอบด้วยประโยชน์
ไม่ใช่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์’ ภิกษุนั้นพึงพิจารณายิ่งขึ้นอีกว่า
‘เราเมื่อรับอธิกรณ์นี้จะได้ภิกษุผู้เคยพบเห็น เคยคบหากันมาเป็น
พวกโดยชอบธรรม โดยชอบด้วยวินัยหรือไม่’ ถ้าภิกษุพิจารณารู้
อย่างนี้ว่า ‘เราเมื่อรับอธิกรณ์นี้ไว้เราจะไม่ได้ภิกษุผู้เคยพบเห็นเคย
คบหากันมาเป็นพวกโดยชอบธรรม โดยชอบด้วยวินัย’ ก็ไม่ควร
รับอธิกรณ์นั้น
5. อนึ่ง ถ้าภิกษุพิจารณารู้อย่างนี้ว่า ‘เราเมื่อรับอธิกรณ์นี้ไว้ เราจะ
ได้ภิกษุผู้เคยพบเห็นเคยคบหากันมาเป็นพวกโดยชอบธรรม โดยชอบ
ด้วยวินัย’ ภิกษุนั้นพึงพิจารณายิ่งขึ้นอีกว่า ‘เราเมื่อรับอธิกรณ์นี้ไว้
อธิกรณ์นั้นจะเป็นเหตุให้สงฆ์บาดหมาง ทะเลาะแก่งแย่ง วิวาท
สงฆ์แตกกัน สงฆ์ร้าวราน สงฆ์แบ่งแยก สงฆ์เป็นต่าง ๆ กันหรือไม่’
ถ้าภิกษุพิจารณารู้อย่างนี้ว่า ‘เราเมื่อรับอธิกรณ์นี้ไว้ อธิกรณ์นั้น
จะเป็นเหตุให้สงฆ์บาดหมาง ทะเลาะแก่งแย่ง วิวาทกัน สงฆ์แตกกัน
สงฆ์ร้าวราน สงฆ์แบ่งแยก สงฆ์เป็นต่าง ๆ กัน’ ก็ไม่ควรรับอธิกรณ์นั้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 8 หน้า :621 }