เมนู

พระวินัยปิฎก ปริวาร [มหาสงคราม] 1. โวหรันเตนชานิตัพพาทิ
มหาสงคราม
ว่าด้วยภิกษุผู้เข้าสู่มหาสงคราม
1. โวหรันเตนชานิตัพพาทิ
ว่าด้วยข้อปฏิบัติที่ภิกษุผู้กล่าวพึงรู้ เป็นต้น
[368] อันภิกษุผู้เข้าสงคราม เมื่อกล่าวในสงฆ์พึงรู้วัตถุ พึงรู้วิบัติ พึงรู้อาบัติ
พึงรู้นิทาน พึงรู้อาการ พึงรู้คำต้นและคำหลัง พึงรู้สิ่งที่ทำแล้วและยังไม่ได้ทำ พึงรู้กรรม
พึงรู้อธิกรณ์ พึงรู้สมถะ ไม่พึงลำเอียงเพราะชอบ ไม่พึงลำเอียงเพราะชัง ไม่พึง
ลำเอียงเพราะหลง ไม่พึงลำเอียงเพราะกลัว พึงชี้แจงในฐานะที่ควรชี้แจง พึงพิจารณา
ในฐานะที่ควรพิจารณา พึงเพ่งเล็งในฐานะที่ควรเพ่งเล็ง พึงเลื่อมใสในฐานะที่ควรเลื่อมใส
ไม่พึงดูหมิ่นฝ่ายอื่นด้วยเข้าใจว่าเราได้พวกแล้ว ไม่พึงดูหมิ่นผู้มีสุตะน้อยด้วยเข้าใจว่า
เรามีสุตะมาก ไม่พึงดูหมิ่นภิกษุผู้อ่อนกว่าด้วยเข้าใจว่าเราเป็นผู้แก่กว่า ไม่พึงพูดเรื่อง
ที่ยังมาไม่ถึง ไม่พึงให้เรื่องที่มาถึงแล้วเสื่อมไปจากพระธรรมวินัย อธิกรณ์นั้นจะระงับ
ด้วยธรรมใด ด้วยวินัยใด ด้วยสัตถุศาสน์ใด พึงให้อธิกรณ์นั้นระงับด้วยวิธีนั้น

ว่าด้วยการรู้วัตถุ
[369] คำว่า พึงรู้วัตถุ นั้น คือ พึงรู้วัตถุแห่งปาราชิก 8 สิกขาบท พึงรู้วัตถุ
แห่งสังฆาทิเสส 23 สิกขาบท พึงรู้วัตถุแห่งอนิยต 2 สิกขาบท พึงรู้วัตถุแห่งนิสสัคคีย์
42 สิกขาบท พึงรู้วัตถุแห่งปาจิตตีย์ 188 สิกขาบท พึงรู้วัตถุแห่งปาฏิเทสนียะ
12 สิกขาบท พึงรู้วัตถุแห่งทุกกฏ พึงรู้วัตถุแห่งทุพภาสิต

ว่าด้วยการรู้วิบัติ
[370] คำว่า พึงรู้วิบัติ นั้น คือ พึงรู้สีลวิบัติ พึงรู้อาจารวิบัติ พึงรู้ทิฏฐิวิบัติ
พึงรู้อาชีววิบัติ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 8 หน้า :554 }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [มหาสงคราม] 1. โวหรันเตนชานิตัพพาทิ
ว่าด้วยการรู้อาบัติ
[371] คำว่า พึงรู้อาบัติ นั้น คือ พึงรู้อาบัติปาราชิก พึงรู้อาบัติสังฆาทิเสส
พึงรู้อาบัติถุลลัจจัย พึงรู้อาบัติปาจิตตีย์ พึงรู้อาบัติปาฏิเทสนียะ พึงรู้อาบัติทุกกฏ
พึงรู้อาบัติทุพภาสิต

ว่าด้วยการรู้นิทาน
[372] คำว่า พึงรู้นิทาน นั้น คือ พึงรู้นิทานแห่งปาราชิก 8 สิกขาบท
พึงรู้นิทานแห่งสังฆาทิเสส 23 สิกขาบท พึงรู้นิทานแห่งอนิยต 2 สิกขาบท พึงรู้
นิทานแห่งนิสสัคคีย์ 42 สิกขาบท พึงรู้นิทานแห่งปาจิตตีย์ 188 สิกขาบท พึงรู้
นิทานแห่งปาฏิเทสนียะ 12 สิกขาบท พึงรู้นิทานแห่งทุกกฏ พึงรู้นิทานแห่ง
ทุพภาสิต

ว่าด้วยการรู้อาการ
[373] คำว่า พึงรู้อาการ นั้น คือ พึงรู้สงฆ์โดยอาการ พึงรู้คณะโดยอาการ
พึงรู้บุคคลโดยอาการ พึงรู้โจทก์โดยอาการ พึงรู้จำเลยโดยอาการ
ข้อว่า พึงรู้สงฆ์โดยอาการ นั้น คือ พึงรู้สงฆ์โดยอาการอย่างนี้ว่า สงฆ์หมู่นี้
จะสามารถระงับอธิกรณ์นี้ได้โดยธรรม โดยวินัย โดยสัตถุศาสน์ หรือไม่หนอ
ข้อว่า พึงรู้คณะโดยอาการ นั้น คือ พึงรู้คณะโดยอาการอย่างนี้ว่า คณะนี้จะ
สามารถระงับอธิกรณ์นี้ได้โดยธรรม โดยวินัย โดยสัตถุศาสน์ หรือไม่หนอ
ข้อว่า พึงรู้บุคคลโดยอาการ นั้น คือ พึงรู้บุคคลโดยอาการอย่างนี้ว่า
บุคคลนี้จะสามารถระงับอธิกรณ์นี้ได้โดยธรรม โดยวินัย โดยสัตถุศาสน์ หรือไม่หนอ
ข้อว่า พึงรู้โจทก์โดยอาการ นั้น คือ พึงรู้โจทก์โดยอาการอย่างนี้ว่า ท่านผู้นี้
จะตั้งอยู่ในธรรม 5 ประการ แล้วโจทผู้อื่น หรือไม่หนอ
ข้อว่า พึงรู้จำเลยโดยอาการ นั้น คือ พึงรู้จำเลยโดยอาการอย่างนี้ว่า ท่านผู้นี้จะ
ตั้งอยู่ในธรรม 2 ข้อ คือ ให้การตามจริงและไม่โกรธ หรือไม่หนอ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 8 หน้า :555 }