เมนู

พระวินัยปิฎก ปริวาร [สมถเภท] 20. สมุฏฐาเปติวาร
20. สมุฏฐาเปติวาร
วาระว่าด้วยอธิกรณ์ยังอธิกรณ์ให้เกิดขึ้น
[314] ถาม : วิวาทาธิกรณ์ บรรดาอธิกรณ์ 4 อย่าง ยังอธิกรณ์อย่างไหน
ให้เกิดขึ้น บรรดาอธิกรณ์ 4 อย่าง วิวาทาธิกรณ์ไม่ยังอธิกรณ์อย่างไหนให้เกิด
ตอบ : อีกอย่าง เพราะวิวาทาธิกรณ์เป็นปัจจัย อธิกรณ์ทั้ง 4 ย่อมเกิดได้
มีอุปมาเหมือนอะไร เหมือนภิกษุทั้งหลายในธรรมวินัยนี้ ย่อมวิวาทกันว่า
นี้เป็นธรรม นี้เป็นอธรรม นี้เป็นวินัย นี้มิใช่วินัย นี้พระตถาคตได้ภาษิตไว้
ได้ตรัสไว้ นี้พระตถาคตไม่ได้ภาษิตไว้ ไม่ได้ตรัสไว้ จริยาวัตรนี้พระตถาคตทรงประพฤติ
มา จริยาวัตรนี้พระตถาคตมิได้ทรงประพฤติมา นี้พระตถาคตทรงบัญญัติไว้ นี้พระ
ตถาคตมิได้ทรงบัญญัติไว้ นี้อาบัติ นี้เป็นอนาบัติ นี้เป็นอาบัติเบา นี้เป็นอาบัติหนัก
นี้เป็นอาบัติที่มีส่วนเหลือ นี้เป็นอาบัติที่ไม่มีส่วนเหลือ นี้เป็นอาบัติชั่วหยาบ นี้เป็น
อาบัติไม่ชั่วหยาบ
ความบาดหมาง ความทะเลาะ ความแก่งแย่ง การทุ่มเถียง การกล่าวต่างกัน
การกล่าวโดยประการอื่น การพูดเพื่อความกลัดกลุ้ม ความหมายมั่นในเรื่องนั้น นี้เรียก
ว่า วิวาทาธิกรณ์ สงฆ์วิวาทกันในวิวาทาธิกรณ์ จัดเป็นวิวาทาธิกรณ์ เมื่อวิวาทกัน
ย่อมโจท จัดเป็นอนุวาทาธิกรณ์ เมื่อโจท ย่อมต้องอาบัติ จัดเป็นอาปัตตาธิกรณ์
สงฆ์ทำกรรมตามอาบัตินั้น จัดเป็นกิจจาธิกรณ์
เพราะวิวาทาธิกรณ์เป็นปัจจัย อธิกรณ์ทั้ง 4 ย่อมเกิดได้อย่างนี้
[315] ถาม : อนุวาทาธิกรณ์ บรรดาอธิกรณ์ 4 อย่าง ยังอธิกรณ์อย่างไหน
ให้เกิด อนุวาทาธิกรณ์ บรรดาอธิกรณ์ 4 อย่าง ไม่ยังอธิกรณ์อย่างไหนให้เกิด
ตอบ : อีกอย่าง เพราะอนุวาทาธิกรณ์เป็นปัจจัย อธิกรณ์ทั้ง 4 ย่อมเกิดได้
มีอุปมาเหมือนอะไร เหมือนภิกษุทั้งหลายในธรรมวินัยนี้ ย่อมโจทภิกษุด้วยสีลวิบัติ
บ้าง อาจารวิบัติบ้าง ทิฏฐิวิบัติบ้าง อาชีววิบัติบ้าง การโจท การกล่าวหา การ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 8 หน้า :416 }


พระวินัยปิฎก ปริวาร [สมถเภท] 20. สมุฏฐาเปติวาร
ฟ้องร้อง การประท้วง ความคล้อยตาม การพยายามโจท การสนับสนุนในเรื่องนั้น
นี้เรียกว่า อนุวาทาธิกรณ์ สงฆ์ย่อมวิวาทกันในอนุวาทาธิกรณ์ จัดเป็นวิวาทาธิกรณ์
เมื่อวิวาทกัน ย่อมโจท จัดเป็นอนุวาทาธิกรณ์ เมื่อโจท ย่อมต้องอาบัติ จัดเป็น
อาปัตตาธิกรณ์ สงฆ์ทำกรรมตามอาบัตินั้น จัดเป็นกิจจาธิกรณ์
เพราะอนุวาทาธิกรณ์เป็นปัจจัย อธิกรณ์ทั้ง 4 ย่อมเกิดได้อย่างนี้
[316] ถาม : อาปัตตาธิกรณ์ บรรดาอธิกรณ์ 4 อย่าง ยังอธิกรณ์อย่างไหน
ให้เกิด อาปัตตาธิกรณ์ บรรดาอธิกรณ์ 4 อย่าง ไม่ยังอธิกรณ์อย่างไหนให้เกิด
ตอบ : อีกอย่าง เพราะอาปัตตาธิกรณ์เป็นปัจจัย อธิกรณ์ทั้ง 4 ย่อมเกิดได้
มีอุปมาเหมือนอะไร เหมือนกองอาบัติทั้ง 5 ชื่ออาปัตตาธิกรณ์ กองอาบัติทั้ง 7
ก็ชื่ออาปัตตาธิกรณ์ นี้เรียกว่า อาปัตตาธิกรณ์ สงฆ์ย่อมวิวาทกันในอาปัตตาธิกรณ์
จัดเป็นวิวาทาธิกรณ์ เมื่อวิวาทกัน ย่อมโจท จัดเป็นอนุวาทาธิกรณ์ เมื่อโจท ย่อม
ต้องอาบัติ จัดเป็นอาปัตตาธิกรณ์ สงฆ์ทำกรรมตามอาบัตินั้น จัดเป็นกิจจาธิกรณ์
เพราะอาปัตตาธิกรณ์เป็นปัจจัย อธิกรณ์ทั้ง 4 ย่อมเกิดได้อย่างนี้
[317] ถาม : กิจจาธิกรณ์ บรรดาอธิกรณ์ 4 อย่าง ยังอธิกรณ์อย่างไหน
ให้เกิด กิจจาธิกรณ์ บรรดาอธิกรณ์ 4 อย่าง ไม่ยังอธิกรณ์อย่างไหนให้เกิด
ตอบ : อีกอย่าง เพราะกิจจาธิกรณ์ อธิกรณ์ทั้ง 4 ย่อมเกิดได้ มีอุปมา
เหมือนอะไร เหมือนความที่สงฆ์มีกรรมที่จะพึงทำ ความที่สงฆ์มีกิจที่จะต้องทำ อปโลกน
กรรม ญัตติกรรม ญัตติทุติยกรรม ญัตติจตุตถกรรม นี้เรียกว่า กิจจาธิกรณ์ สงฆ์
ย่อมวิวาทกันในกิจจาธิกรณ์ จัดเป็นวิวาทาธิกรณ์ เมื่อวิวาทกัน ย่อมโจท จัดเป็น
อนุวาทาธิกรณ์ เมื่อโจท ย่อมต้องอาบัติ จัดเป็นอาปัตตาธิกรณ์ สงฆ์ทำกรรมตาม
อาบัตินั้น จัดเป็นกิจจาธิกรณ์
เพราะกิจจาธิกรณ์เป็นปัจจัย อธิกรณ์ทั้ง 4 ย่อมเกิดได้อย่างนี้
สมุฏฐาเปติวารที่ 20 จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 8 หน้า :417 }