เมนู

พระวินัยปิฎก ปริวาร [อันตรเปยยาล] 5. อธิกรณปัจจยวาร
ถาม : อาบัติเหล่านั้น บรรดาวิบัติ 4 อย่าง จัดเป็นวิบัติเท่าไร ฯลฯ
บรรดาสมถะ 7 อย่าง ระงับด้วยสมถะเท่าไร
ตอบ : อาบัติเหล่านั้น บรรดาวิบัติ 4 อย่าง จัดเป็นวิบัติ 2 อย่าง คือ
(1) สีลวิบัติ (2) อาจารวิบัติ
บรรดากองอาบัติ 7 กอง จัดเข้ากองอาบัติ 6 กอง คือ (1) กองอาบัติปาราชิก
(2) กองอาบัติสังฆาทิเสส (3) กองอาบัติถุลลัจจัย (4) กองอาบัติปาจิตตีย์
(5) กองอาบัติปาฏิเทสนียะ (6) กองอาบัติทุกกฏ
บรรดาสมุฏฐานแห่งอาบัติ 6 สมุฏฐาน เกิดด้วยสมุฏฐาน 6 สมุฏฐาน คือ
(1) เกิดทางกาย มิใช่ทางวาจา มิใช่เกิดทางจิต (2) เกิดทางวาจา มิใช่เกิดทางกาย
มิใช่เกิดทางจิต (3) เกิดทางกายกับวาจา มิใช่เกิดทางจิต (4) เกิดทางกายกับจิต
มิใช่เกิดทางวาจา (5) เกิดทางวาจากับจิต มิใช่เกิดทางกาย (6) เกิดทางกาย
วาจากับจิต
บรรดาอธิกรณ์ 4 อย่าง จัดเป็นอาปัตตาธิกรณ์
บรรดาสมถะ 7 อย่าง ระงับด้วยสมถะ 3 อย่าง คือ (1) สัมมุขาวินัย
(2) ปฏิญญาตกรณะ (3) สัมมุขาวินัยและติณวัตถารกะ
วิปัตติปัจจยวารที่ 4 จบ

5. อธิกรณปัจจยวาร
วาระว่าด้วยอธิกรณ์เป็นปัจจัย
[288] ถาม : เพราะวิวาทาธิกรณ์เป็นปัจจัย ต้องอาบัติเท่าไร
ตอบ : เพราะวิวาทาธิกรณ์เป็นปัจจัย ต้องอาบัติ 2 อย่าง คือ
1. ภิกษุกล่าวเสียดสีอุปสัมบัน ต้องอาบัติปาจิตตีย์
2. ภิกษุกล่าวเสียดสีอนุปสัมบัน ต้องอาบัติทุกกฏ
เพราะวิวาทาธิกรณ์เป็นปัจจัย ต้องอาบัติ 2 อย่างเหล่านี้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 8 หน้า :387 }