พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] 2. กตาปัตติวาร 5. ปาจิตติยกัณฑ์ 8. สหธัมมิกวรรค
10. กัณฏกสิกขาบท
ภิกษุรู้อยู่ ปลอบโยนสมณุทเทสผู้ถูกสงฆ์นาสนะแล้วอย่างนั้น ต้องอาบัติ 2 อย่าง คือ
1. กำลังปลอบโยน ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
2. เมื่อปลอบโยนแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์
สัปปาณกวรรคที่ 7 จบ
8. สหธัมมิกวรรค
1. สหธัมมิกสิกขาบท
[172] ภิกษุผู้อันภิกษุทั้งหลายว่ากล่าวตักเตือนอยู่โดยชอบธรรม กลับกล่าว
ว่า ท่านทั้งหลาย กระผมจะยังไม่ศึกษาในสิกขาบทนี้ จนกว่าจะได้สอบถามภิกษุ
รูปอื่นผู้ฉลาด ผู้เป็นวินัยธร ต้องอาบัติ 2 อย่าง คือ
1. กำลังกล่าว ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
2. เมื่อกล่าวแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์
2. วิเลขนสิกขาบท
ภิกษุดูหมิ่นพระวินัย ต้องอาบัติ 2 อย่าง คือ
1. กำลังดูหมิ่น ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
2. เมื่อดูหมิ่นแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์
3. โมหนสิกขาบท
ภิกษุแสร้งทำผู้อื่นให้หลง ต้องอาบัติ 2 อย่าง คือ
1. เมื่อสงฆ์ยังไม่ยกโมหาโรปนกรรมขึ้นปรับ ทำผู้อื่นให้หลง ต้องอาบัติ
ทุกกฏ
2. เมื่อสงฆ์ยกโมหาโรปนกรรมขึ้นปรับแล้ว ทำผู้อื่นให้หลง ต้องอาบัติ
ปาจิตตีย์
พระวินัยปิฎก ปริวาร [ภิกขุวิภังค์] 2. กตาปัตติวาร 5. ปาจิตติยกัณฑ์ 8. สหธัมมิกวรรค
4. ปหารสิกขาบท
ภิกษุโกรธ ไม่พอใจ ทำร้ายภิกษุ ต้องอาบัติ 2 อย่าง คือ
1. กำลังทำร้าย ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
2. เมื่อทำร้ายแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์
5. ตลสัตติกสิกขาบท
ภิกษุโกรธ ไม่พอใจ เงื้อหอกคือฝ่ามือให้ภิกษุ ต้องอาบัติ 2 อย่าง คือ
1. กำลังเงื้อ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
2. เมื่อเงื้อแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์
6. อมูลกสิกขาบท
ภิกษุใส่ความภิกษุด้วยอาบัติสังฆาทิเสสที่ไม่มีมูล ต้องอาบัติ 2 อย่าง คือ
1. กำลังใส่ความ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
2. เมื่อใส่ความแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์
7. สัญจิจจสิกขาบท
ภิกษุจงใจก่อความรำคาญให้แก่ภิกษุ ต้องอาบัติ 2 อย่าง คือ
1. กำลังก่อ ต้องอาบัติทุกกฏ เพราะพยายาม
2. เมื่อก่อแล้ว ต้องอาบัติปาจิตตีย์
8. อุปัสสุติสิกขาบท
ภิกษุยืนแอบฟังพวกภิกษุผู้บาดหมาง ทะเลาะ วิวาทกัน ต้องอาบัติ 2 อย่าง คือ
1. เดินไปด้วยตั้งใจว่า จะฟัง ต้องอาบัติทุกกฏ
2. ยืนอยู่ในที่ที่จะได้ยิน ต้องอาบัติปาจิตตีย์