พระวินัยปืฎก จูฬวรรค [5. ขุททกวัตถุ ขันธกะ] ขุททกวัตถุ
ลำดับนั้น นางวิสาขามิคารมาตาซึ่งพระผู้มีพระภาคทรงชี้แจงให้เห็นชัด ชวนให้
อยากรับไปปฏิบัติ เร้าใจให้อาจหาญแกล้วกล้า ปลอบชโลมใจให้สดชื่นร่าเริงด้วยธรรมี-
กถาแล้ว ลุกขึ้นจากอาสนะ ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคทำประทักษิณแล้วกลับไป
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรมีกถาเพราะเรื่องนี้เป็นต้นเหตุ รับสั่ง
กับภิกษุทั้งหลายว่า ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตหม้อน้ำและไม้กวาด ภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุไม่พึงใช้ปุ่มไม้ที่เช็ดเท้า รูปใดใช้ ต้องอาบัติทุกกฏ ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาต
ที่เช็ดเท้า 3 ชนิด คือ ศิลา กรวด ศิลาฟองน้ำ
เรื่องพัด
ครั้งนั้น นางวิสาขามิคารมาตา ถือพัดโบกกับพัดใบตาลเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค
ถึงที่ประทับ ครั้นถึงแล้วถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคแล้วนั่ง ณ ที่สมควร ได้
กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า พระพุทธเจ้าข้า ขอพระผู้มีพระภาคโปรดทรงรับ
พัดโบกและพัดใบตาล อันจะเป็นไปเพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่หม่อมฉันตลอดกาล
นานเถิด
พระผู้มีพระภาคทรงรับพัดโบกและพัดใบตาล ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคทรง
ชี้แจงให้นางวิสาขามิคารมาตาเห็นชัด ฯลฯ กระทำประทักษิณแล้วจากไป
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรมีกถาเพราะเรื่องนี้เป็นต้นเหตุแล้วรับ
สั่งกับภิกษุทั้งหลายว่า ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตพัดโบกและพัดใบตาล
สมัยนั้น แส้ปัดยุงเกิดขึ้นแก่สงฆ์ ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มี
พระภาคให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตแส้ปัดยุง
แส้ขนจามรีเกิดขึ้น ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้
ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงใช้แส้ขนจามรี รูปใดใช้ ต้อง
อาบัติทุกกฏ ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตแส้ 3 ชนิด คือ แส้ปอ แส้แฝก แส้ขนนกยูง
พระวินัยปืฎก จูฬวรรค [5. ขุททกวัตถุ ขันธกะ] ขุททกวัตถุ
เรื่องร่ม
[270] สมัยนั้น ร่มเกิดขึ้นแก่สงฆ์ ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระ
ผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตร่ม
สมัยนั้น พวกภิกษุฉัพพัคคีย์กั้นร่มเดินเที่ยว ครั้งนั้น อุบาสกคนหนึ่งไปเที่ยว
อุทยานกับสาวกของอาชีวกหลายคน พวกสาวกอาชีวกเห็นพวกภิกษุฉัพพัคคีย์
เดินกั้นร่มมาแต่ไกล จึงได้กล่าวกับอุบาสกนั้นดังนี้ว่า พระคุณเจ้าผู้เจริญเหล่านี้ของ
ท่าน เดินกั้นร่มมาคล้ายโหราจารย์มหาอมาตย์
อุบาสกกล่าวว่า ท่านเหล่านี้ไม่ใช่เป็นภิกษุ แต่เป็นปริพาชกขอรับ
พวกเขาพนันกันว่า เป็นภิกษุไม่ใช่ภิกษุ
ลำดับนั้น อุบาสกจำพวกภิกษุที่เข้ามาใกล้ได้จึงตำหนิ ประณาม โพนทะนา
ว่า ไฉนพระคุณเจ้าผู้เจริญทั้งหลายจึงกั้นร่มเดินเที่ยวเล่า
ภิกษุทั้งหลายได้ยินอุบาสกตำหนิ ประณาม โพนทะนา จึงนำเรื่องนี้ไปกราบ
ทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า ภิกษุทั้งหลาย ฯลฯ จริงหรือ
ภิกษุเหล่านั้นทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคครั้นทรงตำหนิแล้ว ฯลฯ ทรงแสดงธรรมีกถา รับสั่งกับภิกษุ
ทั้งหลายว่า ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงกั้นร่ม รูปใดกั้น ต้องอาบัติทุกกฏ
สมัยนั้น ภิกษุรูปหนึ่งเป็นไข้ ขาดร่มไม่มีความผาสุก
ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ภิกษุผู้เป็นไข้กั้นร่มได้
สมัยนั้น ภิกษุทั้งหลายทราบว่า พระผู้มีพระภาคทรงอนุญาตร่มแก่ภิกษุ
ไข้เท่านั้น ไม่ทรงอนุญาตแก่ผู้ไม่เป็นไข้ จึงยำเกรงที่จะกั้นร่มในวัด ในเขตวัด