เมนู

พระวินัยปืฎก จูฬวรรค [5. ขุททกวัตถุ ขันธกะ] ขุททกวัตถุ
เกษมสำราญ แล้วทูลนิมนต์ว่า ‘‘ขอพระผู้มีพระภาคพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ จงทรงรับ
ภัตตาหารของโพธิราชกุมารเพื่อเจริญกุศลในวันพรุ่งนี้ พระพุทธเจ้าข้า”
มาณพสัญชิกาบุตรรับคำสั่งโพธิราชกุมารแล้วเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่
ประทับ กราบทูลสนทนาปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค พอเป็นที่บันเทิงใจ พอเป็นที่
ระลึกถึงกันและกันแล้วนั่ง ณ ที่สมควร ได้กราบทูลดังนี้ว่า “โพธิราชกุมารขอถวาย
อภิวาทพระยุคลบาทของพระโคดมผู้เจริญด้วยเศียรเกล้า ทูลถามพระประชวรเบาบาง
มีพระโรคาพาธน้อย ทรงกระปรี้กระเปร่า พระพลานามัย ทรงพระเกษมสำราญและ
กราบทูลนิมนต์อย่างนี้ว่า ‘ขอพระโคดมผู้เจริญพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ จงรับภัตตาหาร
ของโพธิราชกุมาร เพื่อเจริญกุศลในวันพรุ่งนี้” พระผู้มีพระภาคทรงรับนิมนต์โดย
ดุษณีภาพ
ครั้นมาณพสัญชิกาบุตรทราบการที่พระผู้มีพระภาคทรงรับนิมนต์แล้ว จึงลุก
จากอาสนะ เข้าไปเฝ้าโพธิราชกุมาร ณ ที่ประทับ ได้ทูลดังนี้ว่า “เกล้ากระหม่อมได้
กราบทูลพระโคดมนั้นตามรับสั่งของพระองค์แล้วว่า ‘โพธิราชกุมาร ขอถวายอภิวาท
พระยุคลบาทของท่านพระโคดมผู้เจริญด้วยเศียรเกล้า ทูลถามพระประชวรเบาบาง
มีพระโรคาพาธน้อย ทรงกระปรี้กระเปร่า พระพลานามัย ทรงพระเกษมสำราญและ
กราบทูลนิมนต์อย่างนี้ว่า ขอพระโคดมผู้เจริญพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ จงรับภัตตาหาร
ของโพธิราชกุมาร เพื่อเจริญกุศลในวันพรุ่งนี้’ ก็พระสมณโคดมทรงรับนิมนต์แล้ว”
ครั้นผ่านราตรีนั้น โพธิราชกุมารรับสั่งให้เตรียมของเคี้ยวของฉันที่ประณีต รับ
สั่งให้ใช้ผ้าขาวปูลาดโกกนุทปราสาท จนถึงบันไดขั้นสุดท้าย รับสั่งมาณพสัญชิกาบุตรว่า
“ท่านจงไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค กราบทูลภัตกาลว่า ‘ถึงเวลาแล้ว พระพุทธเจ้าข้า
ภัตตาหารเสร็จแล้ว”
มาณพสัญชิกาบุตรรับคำสั่งโพธิราชกุมารแล้วเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค กราบทูล
ภัตกาลให้ทรงทราบ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 7 หน้า :50 }


พระวินัยปืฎก จูฬวรรค [5. ขุททกวัตถุ ขันธกะ] ขุททกวัตถุ
พอถึงเวลาเช้าพระผู้มีพระภาคทรงครองอันตรวาสก ทรงถือบาตรและจีวรเสด็จ
ไปนิเวศน์ของโพธิราชกุมาร เวลานั้นโพธิราชกุมารประทับรอพระผู้มีพระภาคอยู่ที่
ซุ้มประตูชั้นนอก ทอดพระเนตรเห็นพระผู้มีพระภาคกำลังเสด็จมาแต่ไกล จึงเสด็จไป
ต้อนรับถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคแล้วเชิญพระองค์เสด็จไปข้างหน้า เข้าโกกนุท
ปราสาท พระผู้มีพระภาคประทับยืนใกล้บันไดขั้นต่ำสุด
โพธิราชกุมารได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า “พระพุทธเจ้าข้า ขอพระผู้มี
พระภาคโปรดทรงเหยียบผ้า พระพุทธเจ้าข้า ขอพระสุคตโปรดทรงเหยียบผ้าอันจะ
เป็นไปเพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่หม่อมฉันตลอดกาลนานเถิด”
เมื่อพระราชกุมารกราบทูลอย่างนี้ พระผู้มีพระภาคทรงดุษณีภาพ
แม้ครั้งที่ 2 ฯลฯ
แม้ครั้งที่ 3 โพธิราชกุมารก็ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า “พระพุทธ-
เจ้าข้า ขอพระผู้มีพระภาคโปรดทรงเหยียบผ้า พระพุทธเจ้าข้า ขอพระสุคตโปรด
ทรงเหยียบผ้าอันจะเป็นไปเพื่อเกื้อกูล เพื่อความสุขแก่หม่อมฉันตลอดกาลนานเถิด”
ขณะนั้น พระผู้มีพระภาคทรงเหลือบดูท่านพระอานนท์ ครั้งนั้น ท่านพระ
อานนท์ได้ถวายพระพรโพธิราชกุมารดังนี้ว่า “ราชกุมาร โปรดม้วนผ้าเถิด พระผู้มี
พระภาคจะไม่ทรงเหยียบผ้าขาว พระตถาคตทรงอนุเคราะห์คนรุ่นหลัง”1

เชิงอรรถ :
1 ทรงอนุเคราะห์คนรุ่นหลัง อรรถกถาอธิบายว่า พระผู้มีพระภาคไม่ทรงเหยีบผ้าเพราะเหตุ 3 ประการ คือ
1. เพื่อมิให้โพธิราชกุมารถือผิด โพธิราชกุมารได้ฟังมาว่า “ผู้ที่กระทำสักการะแก่พระพุทธเจ้าทั้งหลาย
แล้วจะได้สิ่งที่ปรารถนาสมใจ” จึงตั้งความปรารถนาว่า “ถ้าเราจะได้บุตร พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะ
ทรงเหยียบผ้าที่เราปู ถ้าไม่ได้บุตร ก็จะไม่ทรงเหยียบ” แล้วจึงปู พระผู้มีพระภาคดุษณีภาพรำพึงว่า
“พระกุมารต้องการอะไรจึงกระทำสักการะมากมาย” ได้ทรงทราบว่าปรารถนาบุตร แต่โพธิราชกุมาร
จะไม่มีบุตรเพราะผลกรรมที่ตนกับมเหสีกินลูกนกในชาติก่อน จึงไม่ทรงเหยียบผ้า ถ้าพระผู้มีพระภาค
ทรงเหยียบผ้าแล้ว ภายหลังโพธิราชกุมารไม่มีบุตร ท่านก็จะถือผิดว่า “ที่ได้ฟังมาว่า ผู้ที่ กระทำ
สักการะแก่พระพุทธเจ้าทั้งหลายแล้วจะได้สิ่งที่ตนปรารถนา เราเองก็ได้ตั้งความปรารถนากระทำ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 7 หน้า :51 }