เมนู

พระวินัยปืฎก จูฬวรรค [12. สัตตสติก ขันธกะ] 2. ทุติยภาณวาร
ขณะนั้น ท่านพระเรวตะคิดว่า “พระผู้เฒ่ารูปนี้ยังไม่จำวัด” จึงไม่จำวัด
ท่านพระสัพพกามีคิดว่า “ภิกษุอาคันตุกะรูปนี้เหนื่อยมาแต่ยังไม่จำวัด” จึงไม่
เข้าจำวัดเหมือนกัน
ครั้นพอใกล้สว่าง ท่านพระสัพพกามีลุกขึ้น ได้กล่าวกับท่านพระเรวตะดังนี้ว่า
“ท่านเรวตะ เวลานี้คุณอยู่ด้วยวิหารธรรมอะไรเป็นส่วนมาก”
ท่านพระเรวตะตอบว่า “พระคุณท่าน เวลานี้ผมอยู่ด้วยเมตตาวิหารธรรมเป็น
ส่วนมาก”
ท่านพระสัพพกามีกล่าวว่า “ท่านเรวตะ ทราบว่า เวลานี้คุณอยู่ด้วยวิหารธรรม
ที่เรียบง่าย นั่นก็คือเมตตา”
ท่านพระเรวตะตอบว่า “ท่านผู้เจริญ เมื่อก่อนคราวเป็นคฤหัสถ์ ผมได้ประพฤติ
สั่งสมเมตตา ฉะนั้นเวลานี้ผมก็ยังอยู่ด้วยเมตตาวิหารธรรมเป็นส่วนมาก แต่ผมบรรลุ
อรหัตตผลนานแล้ว ท่านผู้เจริญ เวลานี้พระเถระอยู่ด้วยวิหารธรรมอะไรเล่าเป็นส่วน
มาก”
ท่านพระสัพพกามีตอบว่า “ท่านเรวตะ เวลานี้ผมอยู่ด้วยสุญญตวิหารธรรม
เป็นส่วนมาก”
ท่านพระเรวตะกล่าวว่า “ท่านผู้เจริญ ทราบว่า เวลานี้ พระเถระอยู่ด้วยวิหาร
ธรรมของพระมหาบุรุษ นั่นก็คือ สุญญตสมาบัติ”
ท่านพระสัพพกามีกล่าวว่า “ท่านเรวตะ เมื่อก่อนคราวเป็นคฤหัสถ์ ผมได้ประพฤติ
สั่งสมสุญญตสมาบัติ ฉะนั้นเวลานี้ ผมก็ยังอยู่ด้วยสุญญตวิหารธรรมเป็นส่วนมาก
แต่ผมบรรลุอรหัตตผลนานแล้ว”

พระสัมภูตสาณวาสีถามวัตถุ 10 ประการ
ภิกษุผู้เถระทั้งสองสนทนาค้างอยู่เพียงเท่านี้ ลำดับนั้น พระสัมภูตสาณวาสี
มาถึง จึงเข้าไปหาท่านพระสัพพกามีถึงที่พัก ครั้นแล้วอภิวาท นั่ง ณ ที่สมควรได้


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 7 หน้า :410 }