เมนู

พระวินัยปืฎก จูฬวรรค [12. สัตตสติก ขันธกะ] 2. ทุติยภาณวาร
กล่าวกับท่านพระอุตตระดังนี้ว่า “ขอท่านพระอุตตระจงรับสมณบริขาร คือ บาตรบ้าง
จีวรบ้าง ผ้าปูนั่งบ้าง กล่องเข็มบ้าง ประคดเอวบ้าง ผ้ากรองน้ำบ้าง กระบอกกรอง
น้ำบ้าง”
ท่านพระอุตตระกล่าวว่า “ไม่ละคุณ เรามีไตรจีวรครบบริบูรณ์แล้ว” ไม่ปรารถนา
จะรับ
พวกภิกษุวัชชีบุตรชาวกรุงเวสาลีกล่าวว่า “ท่านอุตตระ คนทั้งหลายน้อม
ถวายสมณบริขารแด่พระผู้มีพระภาค ถ้าพระผู้มีพระภาคทรงรับ พวกเขาก็ดีใจ ถ้า
พระผู้มีพระภาคไม่ทรงรับ พวกเขาก็จะน้อมถวายท่านพระอานนท์ โดยกราบเรียนว่า
‘ท่านผู้เจริญ ขอพระเถระโปรดรับสมณบริขาร สิ่งที่พระเถระรับก็เป็นเหมือนกับที่
พระผู้มีพระภาคทรงรับ’ ขอท่านพระอุตตระโปรดรับสมณบริขารเถิด สิ่งที่ท่านพระ
อุตตระรับก็จะเป็นเหมือนกับสิ่งที่พระเถระรับเหมือนกัน”
ครั้งนั้น ท่านพระอุตตระถูกพวกภิกษุวัชชีบุตรชาวกรุงเวสาลีบีบคั้น จึงรับ
จีวรผืนหนึ่งแล้วกล่าวว่า “พวกท่านพึงแจ้งความประสงค์”
พวกภิกษุวัชชีบุตรชาวกรุงเวสาลีกล่าวว่า “ขอท่านพระอุตตระจงบอกพระ เถระ
ว่า ‘ท่านผู้เจริญ ขอพระเถระพูดเพียงเท่านี้ในท่ามกลางสงฆ์ว่า พระผู้มีพระภาค
พุทธเจ้าทั้งหลายเสด็จอุบัติในปุรัตถิมชนบท ภิกษุทั้งหลายชาวปราจีนเป็นฝ่ายธรรมวาที
ภิกษุทั้งหลายชาวเมืองปาเฐยยะเป็นฝ่ายอธรรมวาที”
พระอุตตระรับคำของพวกภิกษุวัชชีบุตรชาวกรุงเวสาลีแล้วเข้าไปหาท่านพระ
เรวตะถึงที่พัก ครั้นแล้วได้กราบเรียนดังนี้ว่า “ท่านผู้เจริญ ขอพระเถระโปรดพูด
เพียงเท่านี้ในท่ามกลางสงฆ์ว่า “พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทั้งหลายเสด็จอุบัติขึ้นใน
ปุรัตถิมชนบท ภิกษุชาวปราจีนเป็นฝ่ายธรรมวาที ภิกษุชาวเมืองปาเฐยยะเป็นฝ่าย
อธรรมวาที”
ท่านพระเรวตะถามว่า “ภิกษุทั้งหลาย ท่านชักชวนเราในสิ่งที่ไม่ชอบธรรมหรือ” แล้ว
กล่าวประณามท่านพระอุตตระ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 7 หน้า :408 }


พระวินัยปืฎก จูฬวรรค [12. สัตตสติก ขันธกะ] 2. ทุติยภาณวาร
ต่อมา พวกภิกษุวัชชีบุตรชาวกรุงเวสาลีถามท่านพระอุตตระดังนี้ว่า “ท่าน
อุตตระ พระเรวตะพูดอย่างไรบ้าง”
ท่านพระอุตตระตอบว่า “ท่านทั้งหลาย พวกเราทำบาปเสียแล้ว พระเรวตะพูด
ว่า ‘ภิกษุ ท่านชักชวนเราในสิ่งที่ไม่ชอบธรรมหรือ’ แล้วประณามเรา”
พวกภิกษุวัชชีบุตรชาวกรุงเวสาลีถามว่า “ท่านอุตตระ ท่านเป็นผู้ใหญ่มีพรรษา
20 แล้วมิใช่หรือ”
ท่านพระอุตตระตอบว่า “ใช่แล้วท่านทั้งหลาย แต่กระผมถือนิสัยอยู่ในท่านพระ
เรวตะผู้เป็นครู”

เรื่องสงฆ์มุ่งจะวินิจฉัยอธิกรณ์
[455] ครั้งนั้น สงฆ์ประสงค์จะวินิจฉัยอธิกรณ์นั้น จึงได้ประชุมกัน ลำดับนั้น
ท่านพระเรวตะประกาศให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติกรรมวาจาว่า
“ท่านทั้งหลาย ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ถ้าพวกเราจะระงับอธิกรณ์นี้ บางทีจะ
มีภิกษุผู้ถือว่าอธิกรณ์มีมูลรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ ถ้าสงฆ์พร้อมแล้วพึงระงับอธิกรณ์นี้ในที่
ที่อธิกรณ์นี้เกิดขึ้น”
ต่อมา ภิกษุผู้เถระทั้งหลายพากันเดินทางไปกรุงเวสาลีเพื่อวินิจฉัยอธิกรณ์นั้น
ครั้งนั้น ท่านพระสัพพกามีเป็นพระสังฆเถระทั่วสังฆมณฑล มีพรรษา 120
นับแต่อุปสมบทมา เป็นสัทธิวิหาริกของท่านพระอานนท์ พักอยู่ในกรุงเวสาลี
ครั้งนั้น ท่านพระเรวตะบอกท่านพระสัมภูตสาณวาสีดังนี้ว่า “ท่าน ผมจะไป
วิหารที่ท่านพระสัพพกามีอยู่ ท่านเข้าไปหาท่านพระสัพพกามีก่อน แล้วเรียนถาม
วัตถุ 10 ประการ”
พระสัมภูตสาณวาสีรับเถระบัญชาแล้ว ต่อมา ท่านพระเรวตะเข้าไปยังวิหารที่
ท่านพระสัพพกามีอยู่ เสนาสนะของท่านพระสัพพกามีเขาจัดเตรียมไว้ในห้อง
ส่วนเสนาสนะของท่านพระเรวตะเขาจัดเตรียมไว้ที่หน้ามุขห้อง


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 7 หน้า :409 }