เมนู

พระวินัยปืฎก จูฬวรรค [11. ปัญจสติก ขันธกะ] รวมเรื่องที่มีในปัญจสติกขันธกะ
ท่านพระฉันนะถามว่า “ท่านอานนท์ เพราะเหตุที่ภิกษุทั้งหลายไม่ว่ากล่าว ไม่
ตักเตือน ไม่พร่ำสอนผม เพียงแค่นี้ผมชื่อว่าถูกกำจัดแล้ว” แล้วสลบล้มลงที่นั้นเอง

พระฉันนะบรรลุอรหัตตผล
ต่อมา ท่านพระฉันนะอึดอัด เบื่อระอา รังเกียจด้วยพรหมทัณฑ์ จึงหลีกเร้น
อยู่ผู้เดียว ไม่ประมาท มีความเพียร อุทิศกายใจ ไม่นานนัก ก็ทำให้แจ้งซึ่งประโยชน์
ยอดเยี่ยมอันเป็นที่สุดแห่งพรหมจรรย์ที่เหล่ากุลบุตรผู้ออกจากเรือนบวชเป็นบรรพชิต
โดยชอบต้องการ ด้วยปัญญายิ่งเองเข้าถึงอยู่ในปัจจุบันแน่แท้ รู้ชัดว่า “ชาติสิ้นแล้ว
อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ไม่มีกิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้อีก
ต่อไป”
จึงเป็นอันว่าท่านพระฉันนะได้เป็นพระอรหันต์รูปหนึ่งในจำนวนพระอรหันต์
ทั้งหลาย
ครั้งนั้น ท่านฉันนะได้บรรลุอรหัตตผลแล้วจึงเข้าไปหาท่านพระอานนท์ถึงที่พัก
ครั้นแล้วได้กล่าวกับท่านพระอานนท์ดังนี้ว่า “ท่านอานนท์ เวลานี้ ท่านโปรด
ระงับพรหมทัณฑ์แก่ผมเถิด”
ท่านพระอานนท์กล่าวว่า “ท่านฉันนะ เมื่อท่านบรรลุอรหัตตผลแล้ว พรหม
ทัณฑ์ของท่านก็เป็นอันระงับไป”
ก็ในการสังคายนาพระ(ธรรม)วินัยครั้งนี้ มีภิกษุ 500 รูป ไม่หย่อนไม่ยิ่ง
ดังนั้น การสังคายนาพระ(ธรรม)วินัยครั้งนี้ จึงเรียกว่า “ปัญจสติกา”
ปัญจสติกขันธกะที่ 11 จบ
ในขันธกะนี้มี 23 เรื่อง

รวมเรื่องที่มีในปัญจสติกขันธกะ
เมื่อพระผู้มีพระภาคเสด็จปรินิพพาน ท่านพระมหากัสสปะ
ผู้รักษาพระสัทธรรม ชี้แจงต่อหมู่สงฆ์ถึงถ้อยคำที่พระสุภัททะ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 7 หน้า :390 }


พระวินัยปืฎก จูฬวรรค [11. ปัญจสติก ขันธกะ] รวมเรื่องที่มีในปัญจสติกขันธกะ
กล่าวดูหมิ่นพระธรรมวินัย เมื่อเดินทางจากเมืองปาวา
พระมหากัสสปะจึงกล่าวว่า พวกเราจะสังคายนาพระสัทธรรม
ก่อนที่อธรรมจะรุ่งเรือง
พระมหากัสสปะคัดเลือกภิกษุทำสังคายนา 499 รูป
ต่อมา สงฆ์แนะนำให้เลือกท่านพระอานนท์ด้วย
ภิกษุสงฆ์จำพรรษาอยู่ในถ้ำอันเหมาะที่จะทำสังคายนา
พระธรรมวินัย เมื่อคราวสังคายนา
พระมหากัสสปะถามพระวินัยกับท่านพระอุบาลี
ถามพระสูตรกับท่านพระอานนท์ผู้ชาญฉลาด
สาวกของพระชินเจ้าได้สังคายนาพระไตรปิฎก
สงฆ์ได้สอบถามเกี่ยวกับพุทธดำรัสที่ว่าด้วยอาบัติเล็กน้อย
ต่อจากนั้น จึงลงมติว่าจะปฏิบัติตามที่ทรงบัญญัติ
ต่อจากนั้น สงฆ์ปรับอาบัติท่านพระอานนท์เพราะไม่กราบทูล
ถามเกี่ยวกับอาบัติเล็กน้อย เพราะเหยียบผ้าของพระพุทธองค์
เพราะอนุญาตให้มาตุคามให้ไหว้พระพุทธสรีระจนน้ำตาเปียก
พระพุทธสรีระ เพราะไม่กราบทูลขอให้พระพุทธองค์
ดำรงพระชนม์ชีพอยู่ตลอดกัป เพราะกราบทูลขออนุญาตให้
มาตุคามออกบวช
ท่านพระอานนท์ยอมรับอาบัติทุกกฏเพราะเชื่อฟังภิกษุ
ผู้เถระทั้งหลาย ต่อมา ท่านพระปุราณะเดินทางมาจาก
ทักขิณาคิรีชนบท ไม่ยอมรับผลการสังคายนา
สงฆ์ลงพรหมทัณฑ์แก่พระฉันนะ พระมเหสีของ
พระเจ้าอุเทนถวายลาภสักการะแก่ท่านพระอานนท์ ผ้าได้เกิดขึ้น
เป็นจำนวนมาก ท่านพระอานนท์เอาผ้าจีวรเก่าทำเป็นเพดาน
ทำเป็นปลอกฟูก เป็นผ้าปูพื้น เป็นผ้าเช็ดเท้า เป็นผ้าเช็ดธุลี
ต่อจากนั้นขยำกับโคลนฉาบทาฝา

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 7 หน้า :391 }