เมนู

พระวินัยปืฎก จูฬวรรค [11. ปัญจสติก ขันธกะ] 1. สังคีตินิทาน
เสนาสนะมีเพียงพอ ทางที่ดีพวกเราพึงอยู่จำพรรษาในกรุงราชคฤห์ สังคายนาพระ
ธรรมและวินัย ภิกษุเหล่าอื่นไม่พึงอยู่จำพรรษาในกรุงราชคฤห์”
ต่อมา ท่านพระมหากัสสปะประกาศให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติทุติยกรรมวาจาว่า
[438] ท่านทั้งหลาย ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ถ้าสงฆ์พร้อมกันแล้วพึงแต่งตั้ง
ภิกษุ 500 รูปนี้ให้จำพรรษาในกรุงราชคฤห์ เพื่อสังคายนาพระธรรมและวินัย ภิกษุ
เหล่าอื่นไม่พึงจำพรรษาในกรุงราชคฤห์ นี่เป็นญัตติ
ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า สงฆ์แต่งตั้งภิกษุ 500 รูปนี้ให้จำพรรษาในกรุงราชคฤห์
เพื่อสังคายนาพระธรรมและวินัย ภิกษุเหล่าอื่นไม่พึงจำพรรษาในกรุงราชคฤห์ ท่าน
รูปใดเห็นด้วยกับการแต่งตั้งภิกษุ 500 รูปนี้ให้จำพรรษาในกรุงราชคฤห์ เพื่อ
สังคายนาพระธรรมและวินัย ภิกษุเหล่าอื่นไม่พึงจำพรรษาในกรุงราชคฤห์ ท่านรูป
นั้นพึงนิ่ง ท่านรูปใดไม่เห็นด้วย ท่านรูปนั้นพึงทักท้วง
สงฆ์แต่งตั้งภิกษุ 500 รูปนี้ให้จำพรรษาในกรุงราชคฤห์ เพื่อสังคายนาพระ
ธรรมและวินัยแล้ว ภิกษุเหล่าอื่นไม่พึงจำพรรษาในกรุงราชคฤห์ สงฆ์เห็นด้วย เพราะ
ฉะนั้นจึงนิ่ง ข้าพเจ้าขอถือความนิ่งนั้นเป็นมติอย่างนี้

ปฏิสังขรณ์เสนาสนะที่ทรุดโทรม
ต่อมา ภิกษุผู้เถระทั้งหลายได้เดินทางไปกรุงราชคฤห์เพื่อสังคายนาพระธรรม
และวินัย ลำดับนั้น ภิกษุทั้งหลายผู้เถระได้ปรึกษากันดังนี้ว่า “พระผู้มีพระภาค
ทรงสรรเสริญการปฏิสังขรณ์เสนาสนะที่ทรุดโทรม ถ้ากระไร พวกเราจะปฏิสังขรณ์
เสนาสนะที่ทรุดโทรมในเดือนแรก จะประชุมสังคายนาพระธรรมและวินัยตอนกลาง
เดือน”

ท่านพระอานนท์บรรลุอรหัตตผล
ครั้งนั้น ภิกษุผู้เถระทั้งหลายได้ปฏิสังขรณ์เสนาสนะที่ทรุดโทรมในเดือนแรก ลำดับนั้น
ท่านพระอานนท์คิดว่า “พรุ่งนี้เป็นวันประชุม การที่เราผู้ยังเป็นเสขบุคคลอยู่จะไป


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 7 หน้า :377 }


พระวินัยปืฎก จูฬวรรค [11. ปัญจสติก ขันธกะ] 1. สังคีตินิทาน
ร่วมประชุมด้วย ไม่สมควรเลย” จึงให้เวลากลางคืนเป็นส่วนมากล่วงไปด้วย
กายคตาสติ1 พอถึงเวลาใกล้รุ่งก็เอนกาย ด้วยตั้งใจว่า “จะนอนพัก” แต่ศีรษะ
ยังไม่ทันถึงหมอน เท้ายังไม่ทันยกขึ้นจากพื้น ในระหว่างนี้จิตได้หลุดพ้นจากกิเลส
อาสวะทั้งหลาย เพราะไม่มีความยึดมั่นถือมั่น

เรื่องท่านพระอุบาลีตอบคำถามเกี่ยวกับพระวินัย
[439] ครั้นท่านพระอานนท์เป็นพระอรหันต์ได้ไปสู่ที่ประชุม ลำดับนั้น ท่าน
พระมหากัสสปะประกาศให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติกรรมวาจาว่า
“ท่านทั้งหลาย ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ถ้าสงฆ์พร้อมกันแล้ว ข้าพเจ้าจะสอบ
ถามพระวินัยกับท่านพระอุบาลี”
ท่านพระอุบาลีจึงประกาศให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติกรรมวาจาว่า
“ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ถ้าสงฆ์พร้อมแล้ว ข้าพเจ้าอันท่านพระมหา
กัสสปะถามพระวินัย จะได้ตอบต่อไป”

ปาราชิกสิกขาบทที่ 1
ลำดับนั้น ท่านพระมหากัสสปะได้ถามท่านท่านพระอุบาลีว่า “ท่านอุบาลี พระ
ผู้มีพระภาคทรงบัญญัติ ปาราชิกสิกขาบทที่ 1 ณ ที่ไหน”
ท่านพระอุบาลีตอบว่า “ณ กรุงเวสาลี ขอรับ”
ท่านพระมหากัสสปะถามว่า “ทรงปรารภใคร”
ท่านพระอุบาลีตอบว่า “ทรงปรารภพระสุทินกลันทบุตร”
ท่านพระมหากัสสปะถามว่า “เพราะเรื่องอะไร”
ท่านพระอุบาลีตอบว่า “เพราะเสพเมถุนธรรม”

เชิงอรรถ :
1 กายคตาสติ คือ สติอันไปในกาย กำหนดพิจารณากายนี้ให้เห็นว่า ประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ไม่สะอาด
ไม่งาม น่ารังเกียจ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 7 หน้า :378 }