เมนู

พระวินัยปืฎก จูฬวรรค [10. ภิกขุนี ขันธกะ] 3. ตติยภาณวาร
ญัตติจตุตถกรรมอุปสัมปทา
ภิกษุผู้ฉลาดสามารถพึงประกาศให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติจตุตถกรรมวาจาว่า
ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ผู้มีชื่อนี้เป็นอุปสัมปทาเปกขาของแม่เจ้าชื่อนี้
อุปสมบทแล้วในสงฆ์ฝ่ายเดียว บริสุทธิ์ในภิกษุณีสงฆ์ ผู้มีชื่อนี้ขออุปสมบทต่อสงฆ์
มีแม่เจ้าชื่อนี้เป็นปวัตตินี ถ้าสงฆ์พร้อมกันแล้วพึงให้ผู้มีชื่อนี้อุปสมบทมีแม่เจ้าชื่อนี้
เป็นปวัตตินี นี่เป็นญัตติ
ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ผู้มีชื่อนี้เป็นอุปสัมปทาเปกขาของแม่เจ้าชื่อนี้
อุปสมบทแล้วในสงฆ์ฝ่ายเดียว บริสุทธิ์ในภิกษุณีสงฆ์ ผู้มีชื่อนี้ขออุปสมบทต่อสงฆ์
มีแม่เจ้าชื่อนี้เป็นปวัตตินี สงฆ์ให้ผู้มีชื่อนี้อุปสมบทมีแม่เจ้าชื่อนี้เป็นปวัตตินี ท่าน
รูปใดเห็นด้วยกับการให้ผู้มีชื่อนี้อุปสมบทมีแม่เจ้าชื่อนี้เป็นปวัตตินี ท่านรูปนั้นพึงนิ่ง
ท่านรูปใดไม่เห็นด้วย ท่านรูปนั้นพึงทักท้วง
แม้ครั้งที่ 2 ข้าพเจ้าก็กล่าวความนี้ ฯลฯ
แม้ครั้งที่ 3 ข้าพเจ้าก็กล่าวความนี้ ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ผู้มี
ชื่อนี้เป็นอุปสัมปทาเปกขาของแม่เจ้าชื่อนี้ อุปสมบทแล้วในสงฆ์ฝ่ายเดียว บริสุทธิ์ใน
ภิกษุณีสงฆ์ ผู้มีชื่อนี้ขออุปสมบทต่อสงฆ์มีแม่เจ้าชื่อนี้เป็นปวัตตินี สงฆ์ให้ผู้มีชื่อนี้
อุปสมบทมีแม่เจ้าชื่อนี้เป็นปวัตตินี ท่านรูปใดเห็นด้วยกับการให้ผู้มีชื่อนี้อุปสมบทมี
แม่เจ้าชื่อนี้เป็นปวัตตินี ท่านรูปนั้นพึงนิ่ง ท่านรูปใดไม่เห็นด้วย ท่านรูปนั้นพึงทักท้วง
ผู้มีชื่อนี้ สงฆ์ให้อุปสมบทแล้วมีแม่เจ้าชื่อนี้เป็นปวัตตินี สงฆ์เห็นด้วย เพราะ
ฉะนั้นจึงนิ่ง ข้าพเจ้าขอถือเอาความนิ่งนั้นเป็นมติอย่างนี้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 7 หน้า :352 }


พระวินัยปืฎก จูฬวรรค [10. ภิกขุนี ขันธกะ] 3. ตติยภาณวาร
เรื่องการวัดเงาเป็นต้น
ขณะนั้นแหละ พึงวัดเงาแดด บอกประมาณแห่งฤดู บอกส่วนแห่งวัน บอก
สังคีติ1 สั่งภิกษุณีทั้งหลายว่า “พวกเธอพึง บอกนิสสัย 3 และอกรณียกิจ 8 แก่
ภิกษุณีนี้”2
อุปสมบทวิธี จบ
[426] สมัยนั้น ภิกษุณีทั้งหลายโยกย้ายที่นั่งในโรงฉันจนล่วงเวลา ภิกษุ
ทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า “ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตตามลำดับพรรษาสำหรับ
ภิกษุณี 8 รูป ภิกษุณีที่เหลืออนุญาตตามลำดับที่มา”
สมัยนั้น ภิกษุณีทั้งหลายปรึกษากันว่า พระผู้มีพระภาคทรงอนุญาตตาม
ลำดับพรรษาสำหรับภิกษุณีทั้งหลาย 8 รูป ภิกษุณีที่เหลืออนุญาตตามลำดับที่มา”
จึงกัน ที่ตามลำดับพรรษาไว้เฉพาะภิกษุณี 8 รูปเท่านั้น ภิกษุณีที่เหลือกันไว้ตาม
ลำดับที่มาในที่ทุกแห่ง
ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า “ภิกษุทั้งหลาย ในโรงฉัน เราอนุญาตตามลำดับพรรษา
สำหรับภิกษุณี 8 รูป ภิกษุณีที่เหลืออนุญาตตามลำดับที่มา ภิกษุณีไม่พึงห้ามตาม
ลำดับพรรษาในที่อื่น รูปใดห้าม ต้องอาบัติทุกกฏ”

เชิงอรรถ :
1 บอกสังคีติ หมายถึง บอกประชุมสงฆ์
2 นิสสัย 3 คือ (1) เที่ยวบิณฑบาต (2) ถือผ้าบังสุกุล (3) ฉันยาดองด้วยน้ำมูตรเน่า พระผู้มีพระภาค
ทรงห้ามภิกษุณีอยู่ป่า ภิกษุณีจึงไม่ต้องถือนิสสัยข้อว่า “อยู่โคนไม้” (ดูข้อ 431 หน้า 360-361
ในเล่มนี้ )
อกรณียกิจ 8 คือ ข้อที่ทรงห้ามไว้ ตามความในปาราชิกของภิกษุณีสงฆ์ 8 สิกขาบท

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 7 หน้า :353 }