เมนู

พระวินัยปืฎก จูฬวรรค [10. ภิกขุนี ขันธกะ] 2. ทุติยภาณวาร
กับภิกษุณีทั้งหลายโต้เถียงกันว่า “บริขารต้องเป็นของพวกเรา บริขารต้องเป็นของ
พวกเรา”
ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า “ภิกษุทั้งหลาย ถ้าภิกษุณีกำลังจะมรณภาพสั่งอย่าง
นี้ว่า ‘เมื่อดิฉันล่วงลับไป บริขารของดิฉันจงเป็นของสงฆ์’ ภิกษุสงฆ์ไม่เป็นใหญ่ใน
บริขารนั้น บริขารนั้นตกเป็นของภิกษุณีสงฆ์ฝ่ายเดียว
ภิกษุทั้งหลาย ถ้าสิกขมานากำลังจะมรณภาพ ฯลฯ
ภิกษุทั้งหลาย ถ้าสามเณรีกำลังจะมรณภาพ สั่งอย่างนี้ว่า ‘‘เมื่อดิฉันล่วงลับไป
บริขารของดิฉันจงเป็นของสงฆ์’ ภิกษุสงฆ์ไม่เป็นใหญ่ในบริขารนั้น บริขารนั้นตกเป็น
ของภิกษุณีสงฆ์ฝ่ายเดียว
ภิกษุทั้งหลาย ถ้าภิกษุกำลังจะมรณภาพ สั่งอย่างนี้ว่า ‘เมื่อเราล่วงลับไป
บริขารของเราจงเป็นของสงฆ์’ ภิกษุณีสงฆ์ไม่เป็นใหญ่ในบริขารนั้น บริขารนั้นตกเป็น
ของภิกษุสงฆ์ฝายเดียว
ภิกษุทั้งหลาย ถ้าสามเณรกำลังจะมรณภาพ ฯลฯ
ภิกษุทั้งหลาย ถ้าอุบาสกกำลังจะตาย ฯลฯ
ภิกษุทั้งหลาย ถ้าอุบาสิกากำลังจะตาย ฯลฯ
ภิกษุทั้งหลาย ถ้าผู้อื่น(นอกเหนือจากนี้)กำลังจะตาย สั่งอย่างนี้ว่า ‘เมื่อเรา
ล่วงลับไป บริขารของเราจงเป็นของสงฆ์’ ภิกษุณีสงฆ์ไม่เป็นใหญ่ในบริขารนั้น บริขาร
ตกเป็นของภิกษุสงฆ์ฝ่ายเดียว”

เรื่องภิกษุณีใช้ไหล่กระแทกภิกษุ
[420] สมัยนั้น สตรีคนหนึ่งเป็นอดีตภรรยาของนักมวย บวชในสำนักภิกษุณี
นางเห็นภิกษุทุพพลภาพที่ถนน จึงใช้ไหล่กระแทกให้เซ ภิกษุทั้งหลายตำหนิ ประณาม
โพนทะนาว่า “ไฉนภิกษุณีเห็นภิกษุทุพพลภาพที่ถนน จึงใช้ไหล่กระแทกให้เซเล่า”


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 7 หน้า :340 }


พระวินัยปืฎก จูฬวรรค [10. ภิกขุนี ขันธกะ] 2. ทุติยภาณวาร
ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า “ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุณีไม่พึงใช้ไหล่กระแทกภิกษุ รูป
ใดใช้ไหล่กระแทก ต้องอาบัติทุกกฏ ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตภิกษุณีเห็นภิกษุแล้ว
หลีกทางให้แต่ไกล”

เรื่องภิกษุณีใช้บาตรใส่ทารก
สมัยนั้น หญิงคนหนึ่งเป็นแม่ม่ายผัวร้าง ได้มีครรภ์กับชายชู้ นางทำแท้งแล้ว
ใช้ภิกษุณีผู้ที่ตนอุปถัมภ์ว่า “แม่เจ้า ท่านโปรดใช้บาตรใส่ทารกนี้ไป” ภิกษุณีวางทารก
ในบาตรแล้วใช้สังฆาฏิปิดเดินไป
สมัยนั้น ภิกษุผู้เที่ยวบิณฑบาตรูปหนึ่ง ตั้งใจสมาทานว่า “เรายังไม่ให้อาหาร
ที่ได้มาแก่ภิกษุหรือภิกษุณีก่อนแล้วจะไม่ยอมฉัน”
ลำดับนั้น ภิกษุนั้นได้พบภิกษุณีรูปนั้นจึงกล่าวว่า “น้องหญิงเชิญท่านรับอาหารเถิด”
นางปฏิเสธว่า “อย่าเลย พระคุณเจ้า”
แม้ครั้งที่ 2 ภิกษุรูปนั้นก็ยังกล่าวกับภิกษุณีนั้นดังนี้ว่า “น้องหญิง เชิญท่าน
รับอาหารเถิด” นางปฏิเสธว่า “อย่าเลย พระคุณเจ้า”
แม้ครั้งที่ 3 ภิกษุรูปนั้นก็ยังกล่าวกับภิกษุณีนั้นดังนี้ว่า “น้องหญิง เชิญท่าน
รับอาหารเถิด” นางปฏิเสธว่า “อย่าเลย พระคุณเจ้า”
ภิกษุนั้นบอกว่า “อาตมาตั้งใจสมาทานว่า ‘ยังไม่ให้อาหารที่ได้มาแก่ภิกษุหรือ
ภิกษุณีก่อนแล้วเราจะไม่ยอมฉัน’ เชิญท่านรับเถิด”
ครั้งนั้น ภิกษุณีนั้นถูกภิกษุนั้นรบเร้าจึงนำบาตรออกให้ดู บอกว่า “พระคุณเจ้า
ท่านจงดูทารกในบาตร ท่านอย่าบอกใครนะ”
ภิกษุจึงตำหนิ ประณาม โพนทะนาว่า “ไฉนภิกษุณีใช้บาตรใส่ทารกนำออกไป
เล่า” แล้วนำเรื่องนี้ไปบอกภิกษุทั้งหลายให้ทราบ
บรรดาภิกษุผู้มักน้อยตำหนิ ประณาม โพนทะนาว่า “ไฉนภิกษุณีใช้บาตรใส่
ทารกนำออกไปเล่า”


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 7 หน้า :341 }