เมนู

พระวินัยปืฎก จูฬวรรค [10. ภิกขุนี ขันธกะ] 1.ปฐมภาณวาร
พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า “ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ภิกษุทั้งหลายยก
ปาติโมกข์ขึ้นแสดงแก่ภิกษุณีทั้งหลาย”
สมัยนั้น ภิกษุทั้งหลายเข้าไปถึงสำนักของภิกษุณีทั้งหลายแล้วยกปาติโมกข์ขึ้น
แสดง
คนทั้งหลายตำหนิ ประณาม โพนทะนาว่า “ภิกษุณีเหล่านี้เป็นภรรยาของภิกษุ
เหล่านี้ ภิกษุณีเหล่านี้เป็นชู้ของภิกษุเหล่านี้ บัดนี้ ภิกษุเหล่านี้จะอภิรมย์กับภิกษุณี
เหล่านี้”
บรรดาภิกษุผู้มักน้อยได้ยินคนทั้งหลายตำหนิ ประณาม โพนทะนา จึงนำเรื่อง
นี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้ารับสั่งว่า “ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุทั้งหลายไม่พึงยก
ปาติโมกข์ขึ้นแสดงแก่ภิกษุณีทั้งหลาย รูปใดยกขึ้นแสดง ต้องอาบัติทุกกฏ ภิกษุทั้งหลาย
เราอนุญาตให้ภิกษุณีทั้งหลายยกปาติโมกข์ขึ้นแสดงแก่ภิกษุณีทั้งหลายด้วยกัน”
ภิกษุณีทั้งหลายไม่ทราบว่า “จะยกปาติโมกข์ขึ้นแสดงอย่างไร”
ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีภาคให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า “ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ภิกษุทั้งหลายอธิบาย
ให้ภิกษุณีทั้งหลายทราบว่า พึงยกปาติโมกข์ขึ้นแสดงอย่างนี้”

ทรงอนุญาตให้ภิกษุณีรับอาบัติของกันและกัน
[408] สมัยนั้น ภิกษุณีทั้งหลายไม่ทำคืนอาบัติ ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ไป
กราบทูลพระผู้มีภาคให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า “ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุณีไม่ทำคืนอาบัติไม่ได้ รูปใดไม่
กระทำคืน ต้องอาบัติทุกกฏ”
ภิกษุณีทั้งหลายไม่รู้ว่า “พึงทำคืนอาบัติอย่างนี้” ภิกษุทั้งหลายจึงไปกราบทูล
พระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 7 หน้า :325 }


พระวินัยปืฎก จูฬวรรค [10. ภิกขุนี ขันธกะ] 1.ปฐมภาณวาร
พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า “ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ภิกษุทั้งหลายบอกภิกษุณี
ทั้งหลายว่า พวกเธอพึงทำคืนอาบัติอย่างนี้”
สมัยนั้น ภิกษุทั้งหลายได้ปรึกษากันดังนี้ว่า “ใครหนอพึงรับอาบัติของภิกษุณี
ทั้งหลาย” จึงไปนำเรื่องนี้กราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า “ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ภิกษุทั้งหลายรับอาบัติ
ของภิกษุณีทั้งหลาย”
สมัยนั้น ภิกษุณีทั้งหลายพบภิกษุที่ถนนบ้าง ตรอกบ้าง ทางสามแพร่งบ้าง
ได้วางบาตรไว้บนพื้น ห่มอุตตราสงค์เฉวียงบ่าข้างหนึ่ง นั่งกระโหย่งประนมมือ ทำ
คืนอาบัติ
คนทั้งหลายตำหนิ ประณาม โพนทะนาว่า “ภิกษุณีเหล่านี้เป็นภรรยาของภิกษุ
เหล่านี้ ภิกษุณีเหล่านี้เป็นชู้ของภิกษุเหล่านี้ ภิกษุและภิกษุณีล่วงเกินกันตอนกลางคืน
เวลานี้กำลังขอขมา”
ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีภาคให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า “ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุทั้งหลายไม่พึงรับอาบัติของ
ภิกษุณีทั้งหลาย รูปใดรับ ต้องอาบัติทุกกฏ ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ภิกษุณี
ทั้งหลายรับอาบัติของภิกษุณีทั้งหลาย”
ภิกษุณีทั้งหลายไม่รู้ว่า “จะพึงรับอาบัติอย่างนี้” จึงไปกราบทูลพระผู้มีพระภาค
ให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า “ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ภิกษุทั้งหลายบอกภิกษุณี
ทั้งหลายว่า พวกเธอพึงรับอาบัติอย่างนี้”

ทรงอนุญาตให้ทำกรรมเป็นต้น
[409] สมัยนั้น ภิกษุทั้งหลายไม่ทำกรรม1 แก่ภิกษุณีทั้งหลาย ภิกษุทั้งหลาย
จึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีภาคให้ทรงทราบ

เชิงอรรถ :
1 กรรม ในที่นี้ หมายถึงการลงโทษทางพระวินัย เช่นตัชชนียกรรมเป็นต้น (วิ.อ.3/409/407)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 7 หน้า :326 }