เมนู

พระวินัยปืฎก จูฬวรรค [8. วัตต ขันธกะ] รวมเรื่องที่มีในวัตตขันธกะ
พระอุปัชฌาย์อาพาธ ควรพยาบาลตลอดชีวิต
ภิกษุทั้งหลาย นี้คืออุปัชฌายวัตร อันสัทธิวิหาริกพึงประพฤติชอบ
พระอุปัชฌาย์สงเคราะห์ด้วยอุทเทส ปริปุจฉา โอวาท
และอนุศาสน์ ให้บาตร จีวรและบริขาร คราวอาพาธ
ไม่พึงเป็นปัจฉาสมณะ แม้อาจริยวัตรก็เหมือนกับอุปัชฌายวัตร
อันเตวาสิกวัตรก็เหมือนกับสัทธิวิหาริกวัตร
อาวาสิกวัตรก็เหมือนกับอาคันตุกวัตร คมิกวัตร
อนุโมทนาวัตร ภัตตัคควัตร ปิณฑจาริกวัตร
อารัญญิกวัตร เสนาสนวัตร ชันตาฆรวัตร วัจกุฎีวัตร
อุปัชฌายวัตร สัทธิวิหาริกวัตร อาจริยวัตร
อันเตวาสิกวัตรก็เหมือนกัน
ในขันธกะนี้มี 19 เรื่อง 14 วัตร
ภิกษุผู้ไม่บำเพ็ญวัตร ชื่อว่าไม่บำเพ็ญศีล
ผู้มีศีลไม่บริสุทธิ์ ทรามปัญญา
ย่อมไม่ประสบเอกัคคตาจิต ผู้มีจิตฟุ้งซ่าน อารมณ์มาก
ย่อมไม่เห็นธรรมโดยชอบ เมื่อไม่เห็นพระสัทธรรม
ย่อมไม่พ้นไปจากทุกข์ ภิกษุผู้บำเพ็ญวัตร ชื่อว่าบำเพ็ญศีล
ผู้มีศีลบริสุทธิ์ มีปัญญา ย่อมได้รับเอกัคคตาจิต
ผู้ไม่ฟุ้งซ่าน อารมณ์เดียว ย่อมเห็นธรรมโดยธรรม
เมื่อเห็นพระสัทธรรม ย่อมพ้นจากทุกข์ได้
เพราะเหตุนั้น ภิกษุผู้เป็นพุทธชิโนรส มีปัญญาเห็นประจักษ์
พึงบำเพ็ญวัตร อันเป็นพระโอวาทของพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ
แต่นั้นจะถึงพระนิพพานได้ดังนี้แล
วัตตขันธกะ จบ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 7 หน้า :277 }


พระวินัยปืฎก จูฬวรรค [9. ปาติโมกขัฎฐปน ขันธกะ] 1. ปาติโมกขุทเทสยาจนะ
9. ปาติโมกขัฏฐปนขันธกะ
1. ปาติโมกขุทเทสยาจนะ
ว่าด้วยการขอให้ยกปาติโมกข์ขึ้นแสดง
[383] สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ปราสาทในปุพพารามของ
นางวิสาขามิคารมาตา ครั้งนั้น ในวันอุโบสถ 15 ค่ำนั้น พระผู้มีพระภาคประทับนั่ง
มีภิกษุสงฆ์ห้อมล้อม
ครั้งนั้น เมื่อราตรีผ่านไปแล้ว ปฐมยามผ่านไปแล้ว ท่านพระอานนท์ลุกจาก
อาสนะ ห่มอุตตราสงค์เฉวียงบ่าข้างหนึ่ง ประนมมือไปทางพระผู้มีพระภาค ได้กราบ
ทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า “พระพุทธเจ้าข้า ราตรีผ่านไปแล้ว ปฐมยามผ่านไปแล้ว
ภิกษุสงฆ์นั่งนานแล้วพระผู้มีพระภาคโปรดยกปาติโมกข์ขึ้นแสดงแก่ภิกษุทั้งหลายเถิด”
เมื่อท่านพระอานนท์กราบทูลอย่างนี้ พระผู้มีพระภาคทรงนิ่ง
แม้ครั้งที่ 2 เมื่อราตรีผ่านไปแล้ว เมื่อมัชฌิมยามผ่านไปแล้ว ท่านพระอานนท์
ลุกจากอาสนะ ห่มอุตตราสงค์เฉวียงบ่าข้างหนึ่ง ประนมมือไปทางพระผู้มีพระภาค
ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า “พระพุทธเจ้าข้า ราตรีผ่านไปแล้ว มัชฌิมยาม
ผ่านไปแล้ว ภิกษุสงฆ์นั่งนานแล้ว พระผู้มีพระภาคโปรดยกปาติโมกข์ขึ้นแสดงแก่
ภิกษุทั้งหลายเถิด”
แม้ครั้งที่ 2 พระผู้มีพระภาคก็ทรงนิ่ง ฯลฯ
แม้ครั้งที่ 3 เมื่อราตรีผ่านไปแล้ว เมื่อปัจฉิมยามผ่านไปแล้ว ยามรุ่งอรุณ ท่าน
พระอานนท์ลุกจากอาสนะ ห่มอุตตราสงค์เฉวียงบ่าข้างหนึ่งประนมมือไปทางพระผู้
มีพระภาค ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า “พระพุทธเจ้าข้า ราตรีผ่านไปแล้ว
ปัจฉิมยามผ่านไป ภิกษุสงฆ์นั่งนานแล้ว พระผู้มีพระภาคโปรดยกปาติโมกข์ขึ้นแสดง
แก่ภิกษุทั้งหลายเถิด”

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 7 หน้า :278 }