พระวินัยปืฎก จูฬวรรค [8. วัตต ขันธกะ] 10. วัจจกุฎิวัตตกถา
ถ้าสามารถ พึงทำบริกรรม ภิกษุผู้เถระทั้งหลายในน้ำ ไม่พึงสรงน้ำข้างหน้า
ภิกษุผู้เถระทั้งหลาย แม้เหนือน้ำก็ไม่พึงสรง เมื่อสรงน้ำเสร็จกำลังจะขึ้นพึงให้ทาง
ภิกษุทั้งหลายผู้จะลงสรง ภิกษุผู้ออกจากเรือนไฟภายหลัง ถ้าเรือนไฟเปรอะเปื้อน
พึงล้างให้สะอาด ล้างรางแช่ดิน เก็บตั่งในเรือนไฟ ดับไฟ ปิดประตูแล้วจึงพา
กันจากไป
ภิกษุทั้งหลาย นี้คือวัตรในเรือนไฟสำหรับภิกษุทั้งหลาย โดยที่ภิกษุทั้งหลาย
ต้องประพฤติชอบในเรือนไฟ
10. วัจจกุฏิวัตตกถา
ว่าด้วยวัตรปฏิบัติในวัจกุฎี
[373] สมัยนั้น ภิกษุรูปหนึ่งมีกำเนิดจากวรรณะพราหมณ์ ถ่ายอุจจาระ ไม่
ยอมชำระ เพราะรังเกียจว่า ใครจะจับต้องของสกปรกมีกลิ่นเหม็นนี้ได้เล่า ในทวาร
หนักของภิกษุนั้นจึงมีหนอนอยู่ ภิกษุนั้นจึงบอกให้ภิกษุทราบ
ภิกษุทั้งหลายถามว่า ท่าน ท่านถ่ายอุจจาระแล้วไม่ล้างหรือ
ภิกษุนั้นตอบว่า ใช่ ขอรับ
บรรดาภิกษุมักน้อยจึงตำหนิ ประณาม โพนทะนาว่า ไฉนภิกษุถ่ายอุจจาระ
แล้วไม่ล้างเล่า
ครั้งนั้นแล ภิกษุเหล่านั้นได้นำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาคทรงสอบถามภิกษุนั้นว่า ภิกษุ ทราบว่าเธอถ่ายอุจจาระแล้ว
ไม่ล้าง จริงหรือ
ภิกษุนั้นทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตำหนิ ฯลฯ ทรงแสดงธรรมีกถา รับสั่งกับภิกษุทั้งหลาย
ว่า ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุถ่ายอุจจาระแล้ว เมื่อมีน้ำอยู่จะไม่ล้างไม่ได้ รูปใดไม่ล้าง
ต้องอาบัติทุกกฏ