เมนู

พระวินัยปืฎก จูฬวรรค [6. เสนาสน ขันธกะ] 3. ตติยภาณวาร
หรือบุคคลไม่พึงสละ แม้สละแล้วก็ไม่เป็นอันสละ รูปใดสละ
ต้อง อาบัติถุลลัจจัย
ภิกษุทั้งหลาย ของที่สละไม่ได้ 5 หมวดเหล่านี้แล สงฆ์ คณะหรือบุคคล
ไม่พึงสละ แม้สละแล้วก็ไม่เป็นอันสละ รูปใดสละ ต้องอาบัติถุลลัจจัย”

อเวภังคิยวัตถุ
ว่าด้วยของที่ไม่พึงแบ่ง
เรื่องพระอัสสชิและพระปุนัพพสุกะ
[322] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ กรุงสาวัตถี ตามพระอัธยาศัย
แล้ว ได้เสด็จจาริกไปกีฏาคิรีชนบท พร้อมกับภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ประมาณ 500 รูป
รวมทั้งพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ
พระอัสสชิและพระปุนัพพสุกะทราบข่าวแล้วปรึกษากันว่า “พระผู้มีพระภาค
กำลังเสด็จมากีฏาคิรีชนบท พร้อมกับภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ประมาณ 500 รูป รวมทั้ง
พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ พวกเราจะแบ่งเสนาสนะของสงฆ์ทั้งหมด พระ
สารีบุตรและพระโมคคัลลานะมีความปรารถนาชั่ว ตกอยู่ในอำนาจความปรารถนาชั่ว
พวกเราจะไม่จัดเสนาสนะให้ท่านทั้ง 2 นั้น” พระอัสสชิและพระปุนัพพสุกะนั้น จึง
แบ่งเสนาสนะของสงฆ์ทั้งหมด
ต่อมา พระผู้มีพระภาคเสด็จจาริกไปโดยลำดับ จนถึงกีฏาคิรีชนบทแล้ว ครั้น
แล้วได้รับสั่งกับภิกษุทั้งหลายว่า “ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงไปหาภิกษุอัสสชิและภิกษุ
ปุนัพพสุกะแล้วกล่าวอย่างนี้ว่า ‘พระผู้มีพระภาคเสด็จมาพร้อมกับภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่
ประมาณ 500 รูป รวมทั้งพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ ขอให้ท่านทั้งหลายจง
จัดเสนาสนะถวายพระผู้มีพระภาค ภิกษุสงฆ์ รวมทั้งพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ”
ภิกษุเหล่านั้นรับสนองพระพุทธดำรัสแล้วเข้าไปหาพระอัสสชิและพระปุนัพพสุกะ
จนถึงที่อยู่ ครั้นถึงแล้วได้กล่าวกับพระอัสสชิและพระปุนัพพสุกะดังนี้ว่า “พระผู้มี

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 7 หน้า :143 }


พระวินัยปืฎก จูฬวรรค [6. เสนาสน ขันธกะ] 3. ตติยภาณวาร
พระภาคเสด็จมาพร้อมกับภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ประมาณ 500 รูป รวมทั้งพระสารีบุตร
และพระโมคคัลลานะ ขอให้ท่านทั้งหลายจงจัดเสนาสนะถวายพระผู้มีพระภาค
ภิกษุสงฆ์รวมทั้งพระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะ”
พระอัสสชิและพระปุนัพพสุกะตอบว่า “ท่านทั้งหลาย เสนาสนะของสงฆ์ไม่มี
พวกเราแบ่งกันหมดแล้ว พระผู้มีพระภาคเสด็จมาดีแล้ว โปรดประทับในวิหารที่ทรง
พระประสงค์เถิด พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะผู้มีความปรารถนาชั่ว ตกอยู่ใน
อำนาจความปรารถนาชั่ว พวกเราไม่จัดเสนาสนะให้ท่านทั้ง 2 นั้น”
ภิกษุทั้งหลายถามว่า “พวกท่านแบ่งเสนาสนะของสงฆ์หรือ”
พระอัสสชิและพระปุนัพพสุกะตอบว่า “ใช่แล้ว ท่านทั้งหลาย”
บรรดาภิกษุผู้มักน้อยสันโดษ ฯลฯ ตำหนิ ประณาม โพนทะนาว่า “ไฉน
พระอัสสชิและพระปุนัพพสุกะจึงแบ่งเสนาสนะของสงฆ์เล่า”
ลำดับนั้นแล ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาคทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า “ภิกษุทั้งหลาย ทราบว่าพระ
อัสสชิและภิกษุปุนัพพสุกะแบ่งเสนาสนะของสงฆ์จริงหรือ”
ภิกษุทั้งหลายทูลรับว่า “จริง พระพุทธเจ้าข้า”
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงตำหนิว่า “ภิกษุทั้งหลาย ไฉนโมฆบุรุษเหล่านั้นจึง
แบ่งเสนาสนะของสงฆ์เล่า ภิกษุทั้งหลาย การกระทำอย่างนี้ไม่ได้ทำคนที่ยังไม่เลื่อมใสให้
เลื่อมใส ฯลฯ” ครั้นทรงตำหนิแล้ว ฯลฯ ทรงแสดงธรรมีกถารับสั่งกับภิกษุทั้งหลาย
ว่า “ภิกษุทั้งหลาย ของที่ไม่ควรแบ่ง 5 หมวด สงฆ์ คณะหรือบุคคลไม่พึงแบ่ง แม้
แบ่งแล้วก็ไม่เป็นอันแบ่ง รูปใดแบ่ง ต้องอาบัติถุลลัจจัย
ของที่ไม่ควรแบ่ง 5 หมวด คือ
1. อาราม พื้นที่อาราม นี้เป็นของ ที่ไม่ควรแบ่งอันดับที่ 1 สงฆ์ คณะ
หรือบุคคลไม่พึงแบ่ง แม้แบ่งแล้วก็ไม่เป็นอันแบ่ง รูปใดแบ่ง ต้อง
อาบัติถุลลัจจัย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 7 หน้า :144 }