พระวินัยปืฎก จูฬวรรค [6. เสนาสน ขันธกะ] 2. ทุติยภาณวาร
พวกภิกษุสัตตรสวัคคีย์กล่าวว่า ท่านทั้งหลาย พวกท่านควรจะบอกก่อนมิใช่
หรือ พวกเราจะได้ซ่อมแซมวิหารหลังอื่น
พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ตอบว่า ท่านทั้งหลาย วิหารเป็นของสงฆ์มิใช่หรือ
พวกภิกษุสัตตรสวัคคีย์ตอบว่า ใช่ ท่านทั้งหลาย วิหารเป็นของสงฆ์
พวกภิกษุฉัพพัคคีย์กล่าวว่า พวกท่านจงย้ายออกไป วิหารเป็นของพวกเรา
พวกภิกษุสัตตรสวัคคีย์กล่าวว่า วิหารใหญ่ พวกท่านก็อยู่ได้ พวกเราก็อยู่ได้
พวกภิกษุฉัพพัคคีย์กล่าวว่า พวกท่านจงย้ายออกไป วิหารเป็นของพวกเรา
แล้วโกรธ ไม่พอใจ จับคอฉุดลากออกไป
พวกภิกษุสัตตรสวัคคีย์เมื่อถูกพวกภิกษุฉัพพัคคีย์ฉุดลากออกไปก็ร้องไห้
ภิกษุทั้งหลายถามว่า ท่านทั้งหลาย พวกท่านร้องไห้ทำไม
พวกภิกษุสัตตรสวัคคีย์ตอบว่า ท่านทั้งหลาย พวกภิกษุฉัพพัคคีย์เหล่านี้โกรธ
ไม่พอใจฉุดลากพวกกระผมออกจากวิหารของสงฆ์
บรรดาภิกษุผู้มักน้อยสันโดษ ตำหนิ ประณาม โพนทะนาว่า ไฉนพวกภิกษุ
ฉัพพัคคีย์จึงโกรธไม่พอใจ ฉุดลากภิกษุทั้งหลายออกจากวิหารของสงฆ์เล่า
ครั้งนั้นแล ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาคทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ภิกษุทั้งหลาย ทราบว่าพวก
ภิกษุฉัพพัคคีย์โกรธไม่พอใจ ฉุดลากภิกษุทั้งหลายออกจากวิหารของสงฆ์ จริงหรือ
ภิกษุทั้งหลายทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงตำหนิ ฯลฯ ครั้นทรงตำหนิแล้ว ฯลฯ ทรงแสดง
ธรรมีกถารับสั่งกับภิกษุทั้งหลายว่า ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุโกรธไม่พอใจ ไม่พึงฉุดลาก
ภิกษุออกจากวิหารของสงฆ์ รูปใดฉุดลาก พึงปรับอาบัติตามธรรม1 ภิกษุทั้งหลาย
เราอนุญาตให้ภิกษุถือเสนาสนะ
เชิงอรรถ :
1 พึงปรับอาบัติตามธรรม หมายถึงพึงปรับอาบัติปาจิตตีย์ตามความแห่งสิกขาบทที่ 7 แห่งภูตคามวรรค
(วิ.มหา. แปล 2/124-125/302-303)