เมนู

พระวินัยปืฎก จูฬวรรค [6. เสนาสน ขันธกะ] 2. ทุติยภาณวาร
“ช้าง 1 แสนเชือก ม้า 1 แสนตัว
รถม้าอัสดร 1 แสนคัน สาวน้อยประดับต่างหูเพชร 1 แสนคน
ก็ยังไม่ถึงเสี้ยวที่ 161 แห่งการย่างเท้าไปก้าวหนึ่ง
เชิญก้าวไปเถิดคหบดี ท่านก้าวไปดีกว่า อย่าถอยกลับเลย”
ทันใดนั้นความมืดพลันหายไป แสงสว่างปรากฏขึ้นแก่ท่านอนาถบิณฑิกคหบดี
ความกลัว ความหวาดสะดุ้ง อาการขนพองสยองเกล้าพลันหายไป
แม้ครั้งที่ 2 ฯลฯ
แม้ครั้งที่ 3 แสงสว่างพลันหายไป ปรากฏความมืดแทน ความกลัว ความ
หวาดสะดุ้ง อาการขนพองสยองเกล้าบังเกิดขึ้น ท่านอนาถบิณฑิกคหบดีต้องการ
จะกลับจากที่นั้น
แม้ครั้งที่ 3 สีวกยักษ์ก็หายตัวอยู่แต่ประกาศให้ได้ยินเสียงว่า
“ช้าง 1 แสนเชือก ม้า 1 แสนตัว
รถม้าอัสดร 1 แสนคัน สาวน้อยประดับต่างหูเพชร 1 แสนคน
ก็ยังไม่ถึงเสี้ยวที่ 16 แห่งการย่างเท้าไปก้าวหนึ่ง
เชิญก้าวไปเถิดคหบดี ท่านก้าวไปดีกว่า อย่าถอยกลับเลย”
แม้ครั้งที่ 3 ความมืดพลันหายไป แสงสว่างปรากฏแก่ท่านอนาถบิณฑิกคหบดี
ความกลัว ความหวาดสะดุ้ง อาการขนพองสยองเกล้าพลันหายไป
ลำดับนั้น อนาถบิณฑิกคหบดีเดินเข้าไปยังป่าสีตวัน เช้ามืดวันนั้น พระผู้มี
พระภาคเสด็จลุกขึ้นจงกรมที่กลางแจ้ง ได้ทอดพระเนตรเห็นท่านอนาถบิณฑิก

เชิงอรรถ :
1 เสี้ยวที่ 16 ในที่นี้หมายความว่า เมื่อแบ่งเป็น 16 ส่วนแล้วเอาส่วนหนึ่งใน 16 ส่วนนั้นมาแบ่งเป็นอีก
16 ส่วน แล้วเอาส่วนหนึ่งที่แบ่งเป็น 16 ส่วนครั้งที่ 2 นั้นมาแบ่งเป็น 16 ส่วนอีกครั้งหนึ่ง ส่วน 1
ใน 16 ส่วนที่แบ่งครั้งที่ 3 นี้จัดเป็นเสี้ยวที่ 16 สัตว์สิ่งของอย่างละ 1 แสน ยังมีค่าไม่ถึงเสี้ยวที่ 16
แห่งการก้าวเท้าไปก้าวหนึ่งที่แบ่งแล้ว 16 ครั้ง 16 เที่ยว 16 หน เพราะ ท่านอนาถบิณฑิกะก้าวเท้า
ไปถึงพระพุทธเจ้าแล้วจะสำเร็จโสดาปัตติผล จักเอาของหอมพวงมาลากระทำการบูชา จักไหว้พระเจดีย์
จักฟังธรรม จักนิมนต์พระสงฆ์แล้วถวายทาน จักตั้งมั่นในสรณะและศีล(ตาม แนวคำอธิบายแห่ง สํ.ส.อ.
1/242/298, สารตฺถ.ฏีกา 3/305/474-475)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 7 หน้า :113 }