เมนู

พระวินัยปิฎก จูฬวรรค [1. กัมมขันธกะ] 3. ปัพพาชนียกรรม
ปรบมือบ้าง ปล้ำกันบ้าง ชกมวยบ้าง ปูลาดผ้าสังฆาฏิท่ามกลางเวทีเต้นรำแล้วพูด
กับหญิงฟ้อนรำอย่างนี้ว่า ‘น้องหญิง เธอจงฟ้อนรำในที่นี่’ ดังนี้แล้ว ให้การคำนับบ้าง
ประพฤติไม่เหมาะสมต่าง ๆ บ้าง
แม้พวกชาวบ้านที่เคยศรัทธา เลื่อมใส แต่เดี๋ยวนี้ไม่ศรัทธา ไม่เลื่อมใสทาน
ที่เคยถวายประจำแก่สงฆ์ บัดนี้ทายกทายิกาได้เลิกถวายแล้ว ภิกษุผู้มีศีลทั้งหลาย
พากันจากไป พวกภิกษุผู้เลวทรามอยู่ครอบครอง ภิกษุทั้งหลาย การกระทำอย่างนี้
มิได้ทำคนที่ยังไม่เลื่อมใสให้เลื่อมใส ฯลฯ

รับสั่งให้ลงปัพพาชนียกรรม
พระผู้มีพระภาคครั้นทรงตำหนิแล้วทรงแสดงธรรมีกถาตรัสเรียกพระสารีบุตร
และพระโมคคัลลานะมารับสั่งว่า “ไปเถิด สารีบุตร โมคคัลลานะ เธอทั้งสองจงไป
กีฏาคิรีชนบท จงลงปัพพาชนียกรรมแก่ภิกษุชื่อว่าอัสสชิและปุนัพพสุกะให้ไปจาก
กีฏา คีรีชนบท เพราะภิกษุพวกนั้นเป็นสัทธิวิหาริกของเธอทั้งสอง”
พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะกราบทูลถามว่า “พระพุทธเจ้าข้า ข้าพระ
พุทธเจ้าจะลงปัพพาชนียกรรมแก่ภิกษุชื่อว่าอัสสชิและปุนัพพสุกะให้ไปจากกีฏาคิรี
ชนบทได้อย่างไร เพราะพวกเธอดุร้าย หยาบคาย”
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “ถ้าอย่างนั้น เธอทั้งสองจงไปกับภิกษุหลาย ๆ รูป”
พระเถระทั้งสอง ทูลรับสนองพระพุทธดำรัสแล้ว

วิธีลงปัพพาชนียกรรมและกรรมวาจาลงปัพพาชนียกรรม
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย สงฆ์พึงลงปัพพาชนียกรรมอย่างนี้ คือ
เบื้องต้น พึงโจทภิกษุชื่อว่าอัสสชิและปุนัพพสุกะ ครั้นแล้วให้ภิกษุเหล่านั้นให้การแล้ว
จึงปรับอาบัติ ครั้นปรับอาบัติแล้ว ภิกษุผู้ฉลาดสามารถพึงประกาศให้สงฆ์ทราบด้วย
ญัตติจตุตถกรรมวาจาว่า


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 6 หน้า :46 }