เมนู

พระวินัยปิฎก จูฬรรค [4. สมถขันธกะ] 9. อธิกรณวูปสมนสมถะ
พวกนั้นอย่างนี้ว่า “ท่านทั้งหลาย กระผมวิกลจริต มีจิตแปรปรวน ได้ประพฤติ
ละเมิดสิ่งที่ไม่สมควรแก่สมณะเป็นอาจิณมากมาย ทั้งที่กล่าวด้วยวาจาและพยายาม
ทำด้วยกาย กระผมระลึกอาบัตินั้นไม่ได้ กระผมหลงได้ทำสิ่งนี้แล้ว” ภิกษุทั้งหลาย
แม้กระผมกล่าวอยู่อย่างนี้ ก็ยังโจทกระผมอยู่ตามเดิมว่า “ท่านต้องอาบัติแล้ว จง
ระลึกอาบัติเห็นปานนี้” ท่านผู้เจริญ กระผมนั้นหายหลงแล้ว ขออมูฬหวินัยกับสงฆ์
พึงขอแม้ครั้งที่ 2 ฯลฯ
พึงขอแม้ครั้งที่ 3 ฯลฯ
ภิกษุผู้ฉลาดสามารถพึงประกาศให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติจตุตถกรรมวาจาว่า
“ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ภิกษุชื่อนี้รูปนี้ วิกลจริต มีจิตแปรปรวน
ได้ประพฤติละเมิดสิ่งที่ไม่สมควรแก่สมณะเป็นอาจิณมากมาย ทั้งที่กล่าวด้วยวาจา
และพยายามทำด้วยกาย ภิกษุทั้งหลายโจทภิกษุนั้นด้วยอาบัติที่เธอผู้วิกลจริต มี
จิตแปรปรวน ได้ประพฤติละเมิดแล้วว่า ท่านต้องอาบัติแล้ว จงระลึกอาบัติเห็น
ปานนี้ ภิกษุนั้นกล่าวอย่างนี้ว่า “ท่านทั้งหลาย กระผมวิกลจริต มีจิตแปรปรวน
ได้ประพฤติละเมิดสิ่งที่ไม่สมควรแก่สมณะเป็นอาจิณมากมาย ทั้งที่กล่าวด้วยวาจา
และพยายามทำด้วยกาย กระผมระลึกอาบัตินั้นไม่ได้ กระผมหลงได้ทำสิ่งนี้แล้ว”
ภิกษุทั้งหลาย แม้ภิกษุนั้นกล่าวอยู่อย่างนั้น ก็ยังโจทภิกษุนั้นอยู่ตามเดิมว่า
“ท่านต้องอาบัติแล้ว จงระลึกอาบัติเห็นปานนี้” ภิกษุนั้นหายหลงแล้ว ขออมูฬหวินัย
กับสงฆ์ ถ้าสงฆ์พร้อมกันแล้ว สงฆ์พึงให้อมูฬหวินัยแก่ภิกษุนั้นผู้หายหลงแล้ว นี่
เป็นญัตติ
ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ภิกษุชื่อนี้รูปนี้ วิกลจริต มีจิตแปรปรวน
ได้ประพฤติละเมิดสิ่งที่ไม่สมควรแก่สมณะมากมาย ทั้งที่กล่าวด้วยวาจาและพยายาม
ทำด้วยกาย ภิกษุทั้งหลายโจทภิกษุนั้นด้วยอาบัติที่ภิกษุนั้นผู้วิกลจริต มีจิตแปรปรวน
ประพฤติละเมิดแล้วว่า “ท่านต้องอาบัติแล้ว จงระลึกอาบัติเห็นปานนี้” เธอกล่าว
อย่างนี้ว่า “ท่านทั้งหลาย กระผมวิกลจริต มีจิตแปรปรวน ได้ประพฤติละเมิดสิ่งที่


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 6 หน้า :359 }