เมนู

พระวินัยปิฎก จูฬรรค [4. สมถขันธกะ] 9. อธิกรณวูปสมนสมถะ
[233] ภิกษุทั้งหลาย ถ้าเมื่อภิกษุเหล่านั้นวินิจฉัยอธิกรณ์นั้นอยู่ ในบริษัท
นั้นเกิดมีภิกษุธรรมกถึก ภิกษุนั้นจำสูตรไม่ได้เลย จำวิภังค์แห่งสูตรก็ไม่ได้ ภิกษุนั้น
ไม่ได้สังเกตใจความ ย่อมค้านใจความตามเค้าพยัญชนะ ภิกษุผู้ฉลาดสามารถพึง
ประกาศให้ภิกษุเหล่านั้นทราบด้วยญัตติกรรมวาจา

ญัตติกรรมวาจา
“ขอท่านทั้งหลายจงฟังข้าพเจ้า ภิกษุชื่อนี้รูปนี้เป็นธรรมกถึก ท่านจำสูตรไม่
ได้เลย จำวิภังค์แห่งสูตรก็ไม่ได้ ท่านไม่ได้สังเกตใจความ ย่อมค้านใจความตามเค้า
พยัญชนะ ถ้าท่านทั้งหลายพร้อมกันแล้ว พวกเราพึงขับภิกษุชื่อนี้ให้ออกไปแล้วที่
เหลือพึงระงับอธิกรณ์นี้”
ภิกษุทั้งหลาย ถ้าภิกษุเหล่านั้นขับภิกษุนั้นออกไปแล้ว สามารถระงับอธิกรณ์นั้นได้
นี้เรียกว่า อธิกรณ์ระงับแล้ว
อธิกรณ์ระงับด้วยอะไร
ด้วยสัมมุขาวินัย
ในสัมมุขาวินัยนั้นมีอะไรบ้าง
มีความพร้อมหน้าธรรม ความพร้อมหน้าวินัย ความพร้อมหน้าบุคคล ฯลฯ
ภิกษุทั้งหลาย ถ้าอธิกรณ์ระงับแล้วอย่างนี้ ผู้ทำรื้อฟื้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์
ที่รื้อฟื้น
ภิกษุทั้งหลาย ถ้าเมื่อภิกษุเหล่านั้นวินิจฉัยอธิกรณ์นั้นอยู่ ในบริษัทนั้นเกิดมี
ภิกษุธรรมกถึก ท่านจำสูตรได้ แต่จำวิภังค์แห่งสูตรไม่ได้เลย ท่านไม่ได้สังเกตใจความ
ย่อมค้านใจความตามเค้าพยัญชนะ ภิกษุผู้ฉลาดสามารถพึงประกาศให้ภิกษุเหล่านั้น
ทราบด้วยคณญัตติว่า

ญัตติกรรมวาจา
“ขอท่านทั้งหลายจงฟังข้าพเจ้า ภิกษุชื่อนี้รูปนี้เป็นธรรมกถึก ท่านจำสูตรได้แต่
จำวิภังค์แห่งสูตรไม่ได้เลย ท่านไม่สังเกตใจความ ย่อมค้านใจความตามเค้าพยัญชนะ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 6 หน้า :351 }