เมนู

พระวินัยปิฎก จูฬรรค [4. สมถขันธกะ] 8. อธิกรณะ
5. นี้ตถาคตทรงบัญญัติไว้ นี้ตถาคตไม่ได้ทรงบัญญัติไว้
6. นี้อาบัติ นี้อนาบัติ
7. นี้อาบัติเบา นี้อาบัติหนัก
8. นี้อาบัติมีส่วนเหลือ นี้อาบัติไม่มีส่วนเหลือ
9. นี้อาบัติชั่วหยาบ นี้อาบัติไม่ชั่วหยาบ
อกุศลมูล 3 อย่างนี้ เป็นมูลแห่งวิวาทาธิกรณ์

กุศลมูล 3
กุศลมูล 3 เป็นมูลแห่งวิวาทาธิกรณ์ เป็นไฉน
ภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในกรณีนี้ ภิกษุทั้งหลาย มีจิตไม่โลภวิวาทกัน มีจิตไม่
โกรธวิวาทกัน มีจิตไม่หลงวิวาทกันว่า
1. นี้ธรรม นี้อธรรม
ฯลฯ
9. นี้อาบัติชั่วหยาบ นี้อาบัติไม่ชั่วหยาบ
กุศลมูล 3 อย่างนี้ เป็นมูลแห่งวิวาทาธิกรณ์

มูลแห่งอนุวาทาธิกรณ์
[217] อะไรเป็นมูลแห่งอนุวาทาธิกรณ์
อนุวาทมูล 6 เป็นมูลแห่งอนุวาทาธิกรณ์ อกุศลมูลทั้ง 3 เป็นมูลแห่ง
อนุวาทาธิกรณ์ กุศลมูลทั้ง 3 เป็นมูลแห่งอนุวาทาธิกรณ์ แม้กายก็เป็นมูลแห่ง
อนุวาทาธิกรณ์ แม้วาจาก็เป็นมูลแห่งอนุวาทาธิกรณ์

อนุวาทมูล 6
มูลแห่งการโจท 6 อย่าง เป็นมูลแห่งอนุวาทาธิกรณ์ เป็นไฉน
ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มักโกรธ ผูกโกรธไว้ ภิกษุที่มัก
โกรธ ผูกโกรธไว้ ภิกษุนั้นไม่มีเคารพ ไม่มีความยำเกรงในพระศาสดา ไม่มีความ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 6 หน้า :335 }


พระวินัยปิฎก จูฬรรค [4. สมถขันธกะ] 8. อธิกรณะ
เคารพ ไมมีความยำเกรง ในพระธรรม ไม่มีความเคารพ ไม่มีความยำเกรงในพระ
สงฆ์อยู่ และไม่ทำสิกขาให้บริบูรณ์ ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุที่ไม่มีความเคารพ ไม่มี
ความยำเกรงในพระศาสดา ไม่มีความเคารพ ไม่มีความยำเกรงในพระธรรม ไม่มี
ความเคารพ ไม่มีความยำเกรงในพระสงฆ์อยู่ และไม่ทำสิกขาให้บริบูรณ์นั้น ย่อม
ยังการโจทกันให้เกิดในสงฆ์ การโจทย่อมเป็นไปเพื่อไม่เกื้อกูลแก่คนหมู่มาก เพื่อไม่
ใช่สุขแก่คนหมู่มาก เพื่อไม่ใช่ประโยชน์แก่คนหมู่มาก เพื่อไม่เกื้อกูล เพื่อทุกข์แก่
เทวดาและมนุษย์
ภิกษุทั้งหลาย ถ้าเธอทั้งหลายพิจารณาเห็นมูลแห่งการโจทเช่นนี้ ภายในหรือ
ภายนอก ในข้อนั้น เธอทั้งหลายพึงพยายามเพื่อละมูลแห่งการโจทที่เป็นบาปภายใน
หรือภายนอกนั้นแล ถ้าเธอทั้งหลายไม่พิจารณาเห็นมูลแห่งการโจทย์เช่นนี้ ภายใน
หรือภายนอก ในข้อนี้ เธอทั้งหลายพึงปฏิบัติเพื่อความยืดเยื้อ แห่งมูลเหตุแห่ง
การโจทย์ที่เป็นบาปนั้นแล การละมูลเหตุแห่งการโจทที่เป็นบาปนั้นย่อมมีด้วยอาการ
อย่างนี้ ความยืดเยื้อแห่งมูลเหตุแห่งการโจทที่เป็นบาปนั้น ย่อมมีต่อไปด้วยอาการ
อย่างนี้
เป็นผู้ลบหลู่ตีเสมอท่าน ฯลฯ
เป็นผู้มีปรกติริษยา ตระหนี่ ฯลฯ
เป็นผู้อวดดี เจ้ามายา ฯลฯ
เป็นผู้มีความปรารถนาชั่ว เป็นมิจฉาทิฏฐิ ฯลฯ
เป็นผู้ยึดมั่นทิฏฐิของตน มีความถือรั้น สละสิ่งที่ตนยึดมั่นได้ยาก ภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุใดเป็นผู้ยึดมั่นทิฏฐิของตน มีความถือรั้น สละสิ่งที่ตนยึดมั่นได้ยาก ภิกษุนั้น
ย่อมไม่มีความเคารพ ไม่มีความยำเกรงในพระศาสดา ไม่มีความเคารพ ไม่มีความ
ยำเกรงในพระธรรม ไม่มีความเคารพ ไม่มีความยำเกรงในพระสงฆ์ และไม่ทำ
สิกขาให้บริบูรณ์ ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่มีความเคารพ ไม่มีความยำเกรงในพระ
ศาสดา ไม่มีความเคารพ ไม่มีความยำเกรงในพระธรรม ไม่มีความเคารพ ไม่มี
ความยำเกรงในพระสงฆ์ และไม่ทำสิกขาให้บริบูรณ์นั้น ย่อมก่อการโจทให้เกิดขึ้น
ในสงฆ์ ซึ่งเป็นไปเพื่อไม่เกื่อกูลแก่คนหมู่มาก เพื่อไม่ใช่สุขแก่คนหมู่มาก เพื่อไม่ใช่
ประโยชน์แก่คนหมู่มาก เพื่อไม่เกื่อกูล เพื่อทุกข์แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 6 หน้า :336 }