เมนู

พระวินัยปิฎก จูฬรรค [4. สมถขันธกะ] 6. ตัสสปาปิยสิกา
หมวดที่ 2
ภิกษุทั้งหลาย สงฆ์เมื่อมุ่งหวังพึงลงตัสสปาปิยสิกากรรมแก่ภิกษุผู้ประกอบด้วย
องค์ 3 แม้อื่นอีก คือ
1. เป็นผู้มีสีลวิบัติในอธิสีล 2. เป็นผู้มีอาจารวิบัติในอัชฌาจาร
3. เป็นผู้มีทิฏฐิวิบัติในอติทิฐิ
ภิกษุทั้งหลาย ฯลฯ เหล่านี้แล (2)

หมวดที่ 3
ภิกษุทั้งหลาย สงฆ์เมื่อมุ่งหวังพึงลงตัสสปาปิยสิกากรรมแก่ภิกษุผู้ประกอบด้วย
องค์ 3 แม้อื่นอีก คือ
1. กล่าวติเตียนพระพุทธเจ้า 2. กล่าวติเตียนพระธรรม
3. กล่าวติเตียนพระสงฆ์
ภิกษุทั้งหลาย สงฆ์เมื่อมุ่งหวังพึงลงตัสสปาปิยสิกากรรมแก่ภิกษุผู้ประกอบด้วย
องค์ 3 เหล่านี้แล (3)

หมวดที่ 4
ภิกษุทั้งหลาย สงฆ์เมื่อมุ่งหวังพึงลงตัสสปาปิยสิกากรรมแก่ภิกษุ 3 รูป คือ
1. รูปหนึ่งเป็นผู้ก่อความบาดหมาง ก่อความทะเลาะ ก่อความวิวาท
ก่อความอื้อฉาว ก่อ อธิกรณ์ในสงฆ์
2. รูปหนึ่งโง่เขลา ไม่ฉลาด มีอาบัติมาก ต้องอาบัตกำหนดไม่ได้
3. รูปหนึ่งอยู่คลุกคลีกับคฤหัสถ์ด้วยการคลุกคลีกับคฤหัสถ์ที่ไม่สมควร
ภิกษุทั้งหลาย สงฆ์เมื่อมุ่งหวังพึงลงตัสสปาปิยสิกากรรม แก่ภิกษุ 3 รูปเหล่า
นี้แล (4)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 6 หน้า :324 }


พระวินัยปิฎก จูฬรรค [4. สมถขันธกะ] 6. ตัสสปาปิยสิกา
หมวดที่ 5
ภิกษุทั้งหลาย สงฆ์เมื่อมุ่งหวังพึงลงตัสสปาปิยสิกากรรมแก่ภิกษุอื่นอีก 3 รูป
คือ

1. รูปหนึ่งเป็นผู้มีสีลวิบัติในอธิสีล 2. รูปหนึ่งเป็นผู้มีอาจารวิบัติใน
อัชฌาจาร
3. รูปหนึ่งเป็นผู้มีทิฏฐิวิบัติในอติทิฐิ

ภิกษุทั้งหลาย ฯลฯ รูปเหล่านี้แล (5)

หมวดที่ 6
ภิกษุทั้งหลาย สงฆ์เมื่อมุ่งหวังพึงลงตัสสปาปิยสิกากรรมแก่ภิกษุอื่นอีก 3 รูป คือ
1. รูปหนึ่งกล่าวติเตียนพระพุทธเจ้า 2. รูปหนึ่งกล่าวติเตียนพระธรรม
3. รูปหนึ่งกล่าวติเตียนพระสงฆ์
ภิกษุทั้งหลาย สงฆ์เมื่อมุ่งหวังพึงลงตัสสปาปิยสิกากรรม แก่ภิกษุ 3 รูป
เหล่านี้แล (6)
อากังขมานฉักกะ จบ

อัฏฐารสวัตตะ
ว่าด้วยวัตร 18 ข้อในตัสสปาปิยสิกากรรม
[211] ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุที่ถูกสงฆ์ลงตัสสปาปิยสิกากรรมแล้ว พึงประพฤติ
โดยชอบ การประพฤติโดยชอบในเรื่องนั้นดังนี้

1. ไม่พึงให้อุปสมบท 2. ไม่พึงให้นิสัย
3. ไม่พึงใช้สามเณรอุปัฏฐาก 4. ไม่พึงรับแต่งตั้งเป็นผู้สั่งสอน
ภิกษุณี
5. แม้ได้รับแต่งตั้งแล้วก็ไม่พึงสั่งสอน ฯลฯ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 6 หน้า :325 }