พระวินัยปิฎก จูฬรรค [4. สมถขันธกะ] 6. ตัสสปาปิยสิกา
1. ลงต่อหน้า 2. ลงโดยสอบถามก่อน
3. ลงตามปฏิญญา
ภิกษุทั้งหลาย ตัสสปาปิยสิกากรรมที่ประกอบด้วยองค์ 3 เหล่านี้แล เป็น
กรรมชอบด้วยธรรม เป็นกรรมชอบด้วยวินัย และระงับดีแล้ว
ฯลฯ
หมวดที่ 12
ภิกษุทั้งหลาย ตัสสปาปิยสิกากรรมที่ประกอบด้วยองค์ 3 แม้อื่นอีก เป็น
กรรมชอบด้วยธรรม เป็นกรรมชอบด้วยวินัย และระงับดีแล้ว คือ
1. ปรับอาบัติก่อนแล้วจึงลง 2. ลงโดยธรรม
3. สงฆ์พร้อมเพรียงกันลง
ภิกษุทั้งหลาย ตัสสปาปิยสิกากรรมที่ประกอบด้วยองค์ 3 เหล่านี้แล เป็น
กรรมชอบด้วยธรรม เป็นกรรมชอบด้วยวินัย และระงับดีแล้ว
ธัมมกัมมทวาทสกะ จบ
อากังขมานฉักกะ
ว่าด้วยสงฆ์มุ่งหวังที่จะลงตัสสปาปิยสิกากรรม 6 หมวด
หมวดที่ 1
[210] ภิกษุทั้งหลาย สงฆ์เมื่อมุ่งหวังพึงลงตัสสปาปิยสิกากรรมแก่ภิกษุผู้
ประกอบด้วยองค์ 3 คือ
1. เป็นผู้ก่อความบาดหมาง ก่อความทะเลาะ ก่อความวิวาท ทำความ
อื้อฉาว ก่ออธิกรณ์ ในสงฆ์
2. โง่เขลา ไม่ฉลาด มีอาบัติมาก ต้องอาบัติกำหนดไม่ได้
3. อยู่คลุกคลีกับคฤหัสถ์ด้วยการคลุกคลีกับคฤหัสถ์ที่ไม่สมควร
ภิกษุทั้งหลาย สงฆ์เมื่อมุ่งหวัง พึงลงตัสสปาปิยสิกากรรมแก่ภิกษุผู้ประกอบ
ด้วยองค์ 3 เหล่านี้แล (1)
พระวินัยปิฎก จูฬรรค [4. สมถขันธกะ] 6. ตัสสปาปิยสิกา
หมวดที่ 2
ภิกษุทั้งหลาย สงฆ์เมื่อมุ่งหวังพึงลงตัสสปาปิยสิกากรรมแก่ภิกษุผู้ประกอบด้วย
องค์ 3 แม้อื่นอีก คือ
1. เป็นผู้มีสีลวิบัติในอธิสีล 2. เป็นผู้มีอาจารวิบัติในอัชฌาจาร
3. เป็นผู้มีทิฏฐิวิบัติในอติทิฐิ
ภิกษุทั้งหลาย ฯลฯ เหล่านี้แล (2)
หมวดที่ 3
ภิกษุทั้งหลาย สงฆ์เมื่อมุ่งหวังพึงลงตัสสปาปิยสิกากรรมแก่ภิกษุผู้ประกอบด้วย
องค์ 3 แม้อื่นอีก คือ
1. กล่าวติเตียนพระพุทธเจ้า 2. กล่าวติเตียนพระธรรม
3. กล่าวติเตียนพระสงฆ์
ภิกษุทั้งหลาย สงฆ์เมื่อมุ่งหวังพึงลงตัสสปาปิยสิกากรรมแก่ภิกษุผู้ประกอบด้วย
องค์ 3 เหล่านี้แล (3)
หมวดที่ 4
ภิกษุทั้งหลาย สงฆ์เมื่อมุ่งหวังพึงลงตัสสปาปิยสิกากรรมแก่ภิกษุ 3 รูป คือ
1. รูปหนึ่งเป็นผู้ก่อความบาดหมาง ก่อความทะเลาะ ก่อความวิวาท
ก่อความอื้อฉาว ก่อ อธิกรณ์ในสงฆ์
2. รูปหนึ่งโง่เขลา ไม่ฉลาด มีอาบัติมาก ต้องอาบัตกำหนดไม่ได้
3. รูปหนึ่งอยู่คลุกคลีกับคฤหัสถ์ด้วยการคลุกคลีกับคฤหัสถ์ที่ไม่สมควร
ภิกษุทั้งหลาย สงฆ์เมื่อมุ่งหวังพึงลงตัสสปาปิยสิกากรรม แก่ภิกษุ 3 รูปเหล่า
นี้แล (4)
