เมนู

พระวินัยปิฎก จูฬรรค [4. สมถขันธกะ] 6. ตัสสปาปิยสิกา

5. รู้ว่า ไฉนธรรมวาทีพึงมีมากกว่า 6. รู้ว่า สงฆ์จักไม่แตกกัน
7. รู้ว่า ไฉนสงฆ์ไม่พึงแตกกัน 8. ธรรมวาทีภิกษุจับโดยชอบ
ธรรม
9. ธรรมวาทีภิกษุพร้อมเพรียงกันจับ 10. จับตามความเห็น

การจับสลากที่ชอบธรรม 10 อย่าง เหล่านี้
เยภุยยสิกา จบ

6. ตัสสปาปิยสิกา
ว่าด้วยระงับอธิกรณ์โดยการลงโทษแก่ผู้ทำผิด

เรื่องพระอุปวาฬะ
[205] สมัยนั้น พระอุปวาฬะถูกซักถามอาบัติในท่ามกลางสงฆ์ ปฏิเสธแล้วรับ
รับแล้วปฏิเสธ เอาเรื่องหนึ่งมากล่าวกลบเกลื่อนอีกเรื่องหนึ่ง กล่าวเท็จทั้งที่รู้
บรรดาภิกษุผู้มักนัอย ฯลฯ พากันตำหนิ ประณาม โพนทะนาว่า “ไฉน
พระ อุปวาฬะถูกซักถามอาบัติในท่ามกลางสงฆ์ จึงได้ปฏิเสธแล้วรับ รับแล้วปฏิเสธ
เอา เรื่องหนึ่งมากล่าวกลบเกลื่อนอีกเรื่องหนึ่ง กล่าวเท็จทั้งที่รู้เล่า” แล้วได้นำเรื่อง
นี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาคทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า “ภิกษุทั้งหลาย ทราบว่า
ภิกษุ อุปวาฬะถูกซักถามอาบัติในท่ามกลางสงฆ์ ปฏิเสธแล้วรับ รับแล้วปฏิเสธ
เอาเรื่อง หนึ่งมากล่าวกลบเกลื่อนอีกเรื่องหนึ่ง กล่าวเท็จทั้งที่รู้ จริงหรือ”
ภิกษุทั้งหลายทูลรับว่า “จริง พระพุทธเจ้าข้า”
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงตำหนิ ฯลฯ ครั้นทรงตำหนิแล้ว ฯลฯ ทรง
แสดง ธรรมีกถารับสั่งกับภิกษุทั้งหลายว่า “ภิกษุทั้งหลาย ถ้าเช่นนั้น สงฆ์จงลง
ตัสสปาปิยสิกากรรมแก่ภิกษุอุปวาฬะ”

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 6 หน้า :320 }


พระวินัยปิฎก จูฬรรค [4. สมถขันธกะ] 6. ตัสสปาปิยสิกา
วิธีลงตัสสปาปิยสิกากรรมและกรรมวาจา
ภิกษุทั้งหลาย สงฆ์พึงลงตัสสปาปิยสิกากรรมอย่างนี้ คือเบื้องต้นพึงโจทภิกษุ
อุปวาฬะก่อน ครั้นแล้วพึงให้ภิกษุอุปวาฬะนั้นให้การแล้วพึงปรับอาบัติ ภิกษุผู้ฉลาด
สามารถพึงประกาศให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติจตุตถกรรมวาจาว่า
[206] “ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ภิกษุอุปวาฬะนี้ถูกซักถามอาบัติ
ในท่ามกลางสงฆ์ ปฏิเสธแล้วรับ รับแล้วปฏิเสธ เอาเรื่องหนึ่งมากล่าวกลบเกลื่อน
อีกเรื่องหนึ่ง กล่าวเท็จทั้งที่รู้ ถ้าสงฆ์พร้อมกันแล้วพึงลงตัสสปาปิยสิกากรรมแก่ภิกษุ
อุปวาฬะ นี่เป็นญัตติ
ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ภิกษุอุปวาฬะนี้ถูกซักถามอาบัติในท่ามกลาง
สงฆ์ ปฏิเสธแล้วรับ รับแล้วปฏิเสธ เอาเรื่องหนึ่งมากล่าวกลบเกลื่อนอีกเรื่องหนึ่ง
กล่าวเท็จทั้งที่รู้ สงฆ์ลงตัสสปาปิยสิกากรรมแก่ภิกษุอุปวาฬะแล้ว ท่านรูปใดเห็น
ด้วยกับการลงตัสสปาปิยสิกากรรมแก่ภิกษุอุปวาฬะ ท่านรูปนั้นพึงนิ่ง ท่านรูปใด
ไม่เห็นด้วย ท่านรูปนั้นพึงทักท้วง
แม้ครั้งที่ 2 ข้าพเจ้ากล่าวความนี้ว่า ฯลฯ
แม้ครั้งที่ 3 ข้าพเจ้ากล่าวความนี้ว่า ฯลฯ
ตัสสปาปิยสิกากรรม สงฆ์ลงแล้วแก่ภิกษุอุปวาฬะ สงฆ์เห็นด้วย เพราะฉะนั้น
จึงนิ่ง ข้าพเจ้าขอถือความนิ่งนั้นเป็นมติอย่างนี้

ตัสสปาปิยสิกากรรมที่ชอบธรรม 5 อย่าง
[207] ภิกษุทั้งหลาย การลงตัสสปาปิยสิกากรรมชอบธรรม 5 อย่างนี้ คือ

1. ภิกษุเป็นผู้ไม่สะอาด 2. เป็นอลัชชี
3. เป็นผู้ถูกโจท 4. สงฆ์ลงตัสสปาปิยสิกากรรมแก่
ภิกษุนั้น
5. สงฆ์พร้อมเพรียงกันลงโดยธรรม

ภิกษุทั้งหลาย การลงตัสสปาปิยสิกากรรมชอบธรรม 5 อย่างนี้แล

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 6 หน้า :321 }