เมนู

พระวินัยปิฎก จูฬรรค [4. สมถขันธกะ] 4. ปฏิญญาตกรณะ
สิ่งนี้ควรแม้แก่ผม สิ่งนี้ควรแม้แก่ท่านทั้งหลาย” สงฆ์ให้อมูฬหวินัยแก่ภิกษุนั้น การ
ให้อมูฬหวินัยชอบธรรม
การให้อมูฬหวินัยชอบธรรม 3 หมวดเหล่านี้
อมูฬหวินัย จบ

4. ปฏิญญาตกรณะ
ว่าด้วยระงับอธิกรณ์ตามคำรับของจำเลย
เรื่องพระฉัพพัคคีย์
[200] สมัยนั้น พวกภิกษุฉัพพัคคีย์ลงโทษภิกษุทั้งหลายโดยมิได้ปฏิญญา คือ
ลงตัชชนียกรรมบ้าง นิยสกรรมบ้าง ปัพพาชนียกรรมบ้าง ปฏิสารณียกรรมบ้าง
อุกเขปนียกรรมบ้าง
บรรดาภิกษุผู้มักน้อย ฯลฯ พากันตำหนิ ประณาม โพนทะนาว่า “ไฉนพวก
ภิกษุฉัพพัคคีย์จึงลงโทษภิกษุทั้งหลายโดยมิได้ปฏิญญาเล่า คือ ลงตัชชนียกรรมบ้าง
นิยสกรรมบ้าง ปัพพาชนียกรรมบ้าง ปฏิสารณียกรรมบ้าง อุกเขปนียกรรมบ้าง”
แล้วได้นำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ

ทรงสอบถาม
พระผู้มีพระภาคทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า “ภิกษุทั้งหลาย ทราบว่า ฯลฯ
จริงหรือ”
ภิกษุทั้งหลายทูลรับว่า “จริง พระพุทธเจ้าข้า”
พระผู้มีพระภาค ฯลฯ ครั้นทรงตำหนิแล้ว ฯลฯ ทรงแสดงธรรมีกถารับสั่ง
กับภิกษุทั้งหลายว่า “ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงลงโทษภิกษุทั้งหลายโดยมิได้ปฏิญญา
คือ ลงตัชชนียกรรมบ้าง นิยสกรรมบ้าง ปัพพาชนียกรรมบ้าง ปฏิสารณียกรรมบ้าง
อุกเขปนียกรรมบ้าง รูปใดลง ต้องอาบัติทุกกฏ”

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 6 หน้า :315 }


พระวินัยปิฎก จูฬรรค [4. สมถขันธกะ] 4. ปฏิญญาตกรณะ
ปฏิญญาตกรณะที่ไม่ชอบธรรม
[201] ภิกษุทั้งหลาย ปฏิญญาตกรณะที่ไม่ชอบธรรมอย่างนี้ ที่ชอบธรรม
อย่างนี้
ภิกษุทั้งหลาย ปฏิญญากรณะที่ไม่ชอบธรรม เป็นอย่างไร
คือ ภิกษุต้องอาบัติปาราชิก สงฆ์หรือภิกษุมากรูป หรือภิกษุรูปเดียวโจท
ภิกษุนั้นว่า “ท่านต้องอาบัติปาราชิก” ภิกษุนั้นกล่าวอย่างนี้ว่า “ท่าน ผมมิได้
ต้องอาบัติปาราชิก ผมต้องอาบัติสังฆาทิเสส” สงฆ์ปรับอาบัติสังฆาทิเสสภิกษุนั้น
(การปรับอย่างนี้) ชื่อว่า ปฏิญญาตกรณะที่ไม่ชอบธรรม
ภิกษุต้องอาบัติปาราชิก สงฆ์หรือภิกษุมากรูป หรือภิกษุรูปเดียวโจทภิกษุนั้น
ว่า “ท่านต้องอาบัติปาราชิก” ภิกษุนั้นกล่าวอย่างนี้ว่า “ท่าน ผมมิได้ต้องอาบัติ
ปาราชิก ฯลฯ ผมต้องอาบัติถุลลัจจัย” สงฆ์ปรับอาบัติถุลลัจจัยภิกษุนั้น (การปรับ
อย่างนี้) ชื่อว่าปฏิญญาตกรณะที่ไม่ชอบธรรม
ภิกษุต้องอาบัติปาราชิก สงฆ์หรือภิกษุมากรูป หรือภิกษุรูปเดียวโจทภิกษุนั้น
ว่า “ท่านต้องอาบัติปาราชิก” ภิกษุนั้นกล่าวอย่างนี้ว่า “ท่าน ผมมิได้ต้องอาบัติ
ปาราชิก ผมต้องอาบัติปาจิตตีย์” สงฆ์ปรับอาบัติปาจิตตีย์ภิกษุนั้น (การปรับ
อย่างนี้) ชื่อว่าปฏิญญาตกรณะที่ไม่ชอบธรรม
ภิกษุต้องอาบัติปาราชิก สงฆ์หรือภิกษุมากรูป หรือภิกษุรูปเดียวโจทภิกษุนั้น
ว่า “ท่านต้องอาบัติปาราชิก” ภิกษุนั้นกล่าวอย่างนี้ว่า “ท่าน ผมมิได้ต้องอาบัติ
ปาราชิก ผมต้องอาบัติปาฏิเทสนียะ” สงฆ์ปรับอาบัติปาฏิเทสนียะภิกษุนั้น (การ
ปรับอย่างนี้) ชื่อว่าปฏิญญาตกรณะที่ไม่ชอบธรรม
ภิกษุต้องอาบัติปาราชิก สงฆ์หรือภิกษุมากรูป หรือภิกษุรูปเดียวโจทภิกษุนั้น
ว่า “ท่านต้องอาบัติปาราชิก” ภิกษุนั้นกล่าวอย่างนี้ว่า “ท่าน ผมมิได้ต้องอาบัติ
ปาราชิก ผมต้องอาบัติทุกกฏ” สงฆ์ปรับอาบัติทุกกฏภิกษุนั้น (การปรับอย่างนี้)
ชื่อว่าปฏิญญาตกรณะที่ไม่ชอบธรรม


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 6 หน้า :316 }