เมนู

พระวินัยปิฎก จูฬวรรค [3. สมุจจยขันธกะ] 11. ตติยนวกะ
ภิกษุนั้นสำคัญว่า “เรากำลังอยู่ปริวาส” ต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัวในระหว่าง
มีจำนวนนับได้ ปิดไว้ ภิกษุนั้นตั้งอยู่ในภูมินั้น ระลึกอาบัติในระหว่างบรรดาอาบัติตัว
ก่อนได้ ระลึกอาบัติในระหว่างบรรดาอาบัติตัวหลังได้
ภิกษุนั้นคิดอย่างนี้ว่า “เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัว มีจำนวนนับ
ได้บ้าง มีจำนวนนับไม่ได้บ้าง ฯลฯ กำหนดได้บ้าง กระจายไปบ้าง เรานั้นได้ขอ
สโมธานปริวาส เพื่ออาบัติเหล่านั้นกับสงฆ์ สงฆ์ได้ให้สโมธานปริวาส เพื่ออาบัติ
เหล่านั้นแก่เรานั้น เมื่อเรานั้นกำลังอยู่ปริวาส ต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัวใน
ระหว่าง มีจำนวนนับได้ จึงขอการชักเข้าหาอาบัติเดิม เพื่ออาบัติในระหว่างกับสงฆ์
สงฆ์ชักเรานั้นเข้าหาอาบัติเดิม เพื่ออาบัติในระหว่าง ด้วยกรรมอันไม่ชอบธรรม
กำเริบ ไม่ควรแก่ฐานะ ได้ให้สโมธานปริวาสโดยไม่ชอบธรรม เรานั้นสำคัญว่า
‘เรากำลังอยู่ปริวาส’ ต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัวในระหว่าง มีจำนวนนับได้ ปิดไว้
เรานั้นตั้งอยู่ในภูมินั้น ระลึกอาบัติในระหว่างบรรดาอาบัติตัวก่อนได้ ระลึกอาบัติใน
ระหว่างบรรดาอาบัติตัวหลังได้ ไฉนหนอ เราพึงขอการชักเข้าหาอาบัติเดิม เพื่อ
อาบัติในระหว่างบรรดาอาบัติตัวก่อน และเพื่ออาบัติในระหว่างบรรดาอาบัติตัวหลัง
ด้วยกรรมที่ชอบธรรม ไม่กำเริบ ควรแก่ฐานะ พึงขอสโมธานปริวาสโดยชอบธรรม
พึงขอมานัตโดยชอบธรรม พึงขออัพภานโดยชอบธรรมกับสงฆ์”
ภิกษุนั้นขอการชักเข้าหาอาบัติเดิม เพื่ออาบัติในระหว่างบรรดาอาบัติตัวก่อน
และเพื่ออาบัติในระหว่างบรรดาอาบัติตัวหลัง ด้วยกรรมที่ชอบธรรม ไม่กำเริบ
ควรแก่ฐานะ ขอสโมธานปริวาสโดยชอบธรรม ขอมานัตโดยชอบธรรม ขออัพภาน
โดยชอบธรรมกับสงฆ์ สงฆ์ชักภิกษุนั้นเข้าหาอาบัติเดิม เพื่ออาบัติในระหว่าง
บรรดาอาบัติตัวก่อน และเพื่ออาบัติในระหว่างบรรดาอาบัติตัวหลัง ด้วยกรรม
ที่ชอบธรรม ไม่กำเริบ ควรแก่ฐานะ ให้สโมธานปริวาสโดยชอบธรรม ให้มานัต
โดยชอบธรรม อัพภานโดยชอบธรรม ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนั้นหมดจดแล้วจากอาบัติ
เหล่านั้น (2)


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 6 หน้า :289 }


พระวินัยปิฎก จูฬวรรค [3. สมุจจยขันธกะ] 11. ตติยนวกะ
ภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในกรณีนี้ ภิกษุต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัว มีจำนวน
นับได้บ้าง มีจำนวนนับไม่ได้บ้าง มีชื่ออย่างเดียวกันบ้าง มีชื่อต่างกันบ้าง เป็นสภาค
กันบ้าง ไม่เป็นสภาคกันบ้าง กำหนดได้บ้าง กระจายไปบ้าง ภิกษุนั้นขอสโมธาน-
ปริวาส เพื่ออาบัติเหล่านั้นกับสงฆ์ สงฆ์ให้สโมธานปริวาส เพื่ออาบัติเหล่านั้นแก่
ภิกษุนั้น เมื่อภิกษุนั้นกำลังอยู่ปริวาส ต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัวในระหว่าง มี
จำนวนนับได้ ได้ปิดไว้บ้าง ไม่ได้ปิดไว้ จึงขอการชักเข้าหาอาบัติเดิม เพื่ออาบัติ
ในระหว่างกับสงฆ์ สงฆ์ชักภิกษุนั้นเข้าหาอาบัติเดิม เพื่ออาบัติในระหว่าง ด้วยกรรม
อันไม่ชอบธรรม กำเริบ ไม่ควรแก่ฐานะ ให้สโมธานปริวาสโดยไม่ชอบธรรม ภิกษุนั้น
สำคัญว่า “เรากำลังอยู่ปริวาส” ฯลฯ ให้สโมธานปริวาสโดยชอบธรรม ให้มานัต
โดยชอบธรรม อัพภานโดยชอบธรรม ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนั้นหมดจดแล้วจากอาบัติ
เหล่านั้น (3)
ภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในกรณีนี้ ภิกษุต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัว มีจำนวน
นับได้บ้าง มีจำนวนนับไม่ได้บ้าง ฯลฯ กำหนดได้บ้าง กระจายไปบ้าง ภิกษุนั้น
ขอสโมธานปริวาส เพื่ออาบัติเหล่านั้นกับสงฆ์ สงฆ์ให้สโมธานปริวาส เพื่ออาบัติ
เหล่านั้นแก่ภิกษุนั้น เมื่อภิกษุนั้นกำลังอยู่ปริวาส ต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัว
ในระหว่าง มีจำนวนนับไม่ได้ ไม่ได้ปิดไว้ ฯลฯ มีจำนวนนับไม่ได้ ปิดไว้ ฯลฯ
มีจำนวนนับไม่ได้ ปิดไว้บ้าง ไม่ได้ปิดไว้บ้าง ฯลฯ มีจำนวนนับได้บ้าง มีจำนวน
นับไม่ได้บ้าง ไม่ได้ปิดไว้ จึงขอการชักเข้าหาอาบัติเดิม เพื่ออาบัติในระหว่างกับสงฆ์
สงฆ์ชักภิกษุนั้นเข้าหาอาบัติเดิม เพื่ออาบัติในระหว่าง ด้วยกรรมอันไม่ชอบธรรม
กำเริบ ไม่ควรแก่ฐานะ ให้สโมธานปริวาสโดยไม่ชอบธรรม ภิกษุนั้นสำคัญว่า “เรา
กำลังอยู่ปริวาส” ฯลฯ ให้สโมธานปริวาสโดยชอบธรรม ให้มานัตโดยชอบธรรม
อัพภานโดยชอบธรรม ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนั้นหมดจดแล้วจากอาบัติเหล่านั้น
(4-7)
ภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในกรณีนี้ ภิกษุต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัว มีจำนวน
นับได้บ้าง มีจำนวนนับไม่ได้บ้าง ฯลฯ กำหนดได้บ้าง กระจายไปบ้าง ภิกษุนั้นขอ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 6 หน้า :290 }