เมนู

พระวินัยปิฎก จูฬวรรค [3. สมุจจยขันธกะ] 9. มูลายอวิสุทธินวกะ
ไว้ รูปใดปิดไว้ สงฆ์พึงให้รูปนั้นแสดงอาบัติทุกกฏ และพึงให้ปริวาสในกองอาบัติ
ตามที่ปิดไว้แก่รูปที่ปิดนั้น แล้วให้มานัตแก่ภิกษุทั้ง 2 รูป (11)
เทฺวภิกขุวารเอกาทสกะ จบ

9. มูลายอวิสุทธินวกะ
ว่าด้วยความไม่หมดจดจากอาบัติเดิม 9 กรณี
[182] ภิกษุทั้งหลาย ก็ในกรณีนี้ ภิกษุต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัว
มีจำนวนนับได้บ้าง มีจำนวนนับไม่ได้บ้าง มีชื่ออย่างเดียวกันบ้าง มีชื่อต่างกันบ้าง
เป็นสภาคกันบ้าง ไม่เป็นสภาคกันบ้าง กำหนดได้บ้าง กระจายไปบ้าง ภิกษุนั้นขอ
สโมธานปริวาสเพื่ออาบัติเหล่านั้นกับสงฆ์ สงฆ์ให้สโมธานปริวาสเพื่ออาบัติเหล่านั้น
แก่ภิกษุนั้น เมื่อภิกษุนั้นกำลังอยู่ปริวาส ต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัวในระหว่าง มี
จำนวนนับได้ ไม่ได้ปิดไว้ จึงขอการชักเข้าหาอาบัติเดิมเพื่ออาบัติในระหว่างกับสงฆ์
สงฆ์ชักภิกษุนั้นเข้าหาอาบัติเดิม เพื่ออาบัติในระหว่างด้วยกรรมที่ชอบธรรม ไม่กำเริบ
ควรแก่ฐานะ ให้สโมธานปริวาสโดยชอบธรรม ให้มานัตโดยไม่ชอบธรรม อัพภาน
โดยไม่ชอบธรรม ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนั้นยังไม่หมดจดจากอาบัติเหล่านั้น (1)
ภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในกรณีนี้ ภิกษุต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัว มีจำนวน
นับได้บ้าง มีจำนวนนับไม่ได้บ้าง มีชื่ออย่างเดียวกันบ้าง มีชื่อต่างกันบ้าง เป็น
สภาคกันบ้าง ไม่เป็นสภาคกันบ้าง กำหนดได้บ้าง กระจายไปบ้าง ภิกษุนั้นขอ
สโมธานปริวาสเพื่ออาบัติเหล่านั้นกับสงฆ์ สงฆ์ให้สโมธานปริวาสเพื่ออาบัติเหล่านั้น
แก่ภิกษุนั้น เมื่อภิกษุนั้นกำลังอยู่ปริวาสต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัวในระหว่าง
มีจำนวนนับได้ ปิดไว้ จึงขอการชักเข้าหาอาบัติเดิม เพื่ออาบัติในระหว่างกับสงฆ์
สงฆ์ชักภิกษุนั้นเข้าหาอาบัติเดิมเพื่ออาบัติในระหว่าง ด้วยกรรมที่ชอบธรรม ไม่กำเริบ
ควรแก่ฐานะ ให้สโมธานปริวาสโดยชอบธรรม ให้มานัตโดยไม่ชอบธรรม อัพภาน
โดยไม่ชอบธรรม ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนั้นยังไม่หมดจดจากอาบัติเหล่านั้น (2)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 6 หน้า :282 }


พระวินัยปิฎก จูฬวรรค [3. สมุจจยขันธกะ] 9. มูลายอวิสุทธินวกะ
ภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในกรณีนี้ ภิกษุต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัว มี
จำนวนนับได้บ้าง มีจำนวนนับไม่ได้บ้าง มีชื่ออย่างเดียวกันบ้าง มีชื่อต่างกันบ้าง
เป็นสภาคกันบ้าง ไม่เป็นสภาคกันบ้าง กำหนดได้บ้าง กระจายไปบ้าง ภิกษุนั้น
ขอสโมธานปริวาสเพื่ออาบัติเหล่านั้นกับสงฆ์ สงฆ์ให้สโมธานปริวาสเพื่ออาบัติ
เหล่านั้นแก่ภิกษุนั้น เมื่อภิกษุนั้นกำลังอยู่ปริวาสต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัวใน
ระหว่าง มีจำนวนนับได้ ปิดไว้บ้าง ไม่ได้ปิดไว้บ้าง จึงขอการชักเข้าหาอาบัติเดิม
เพื่ออาบัติในระหว่างกับสงฆ์ สงฆ์ชักภิกษุนั้นเข้าหาอาบัติเดิม เพื่ออาบัติในระหว่าง
ด้วยกรรมที่ชอบธรรม ไม่กำเริบ ควรแก่ฐานะ ให้สโมธานปริวาสโดยชอบธรรม
ให้มานัตโดยไม่ชอบธรรม อัพภานโดยไม่ชอบธรรม ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนั้นยังไม่
หมดจดจากอาบัติเหล่านั้น (3)
ภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในกรณีนี้ ภิกษุต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัว มีจำนวน
นับได้บ้าง มีจำนวนนับไม่ได้บ้าง มีชื่ออย่างเดียวกันบ้าง มีชื่อต่างกันบ้าง เป็นสภาค
กันบ้าง ไม่เป็นสภาคกันบ้าง กำหนดได้บ้าง กระจายไปบ้าง ภิกษุนั้นขอสโมธาน-
ปริวาสเพื่ออาบัติเหล่านั้นกับสงฆ์ สงฆ์ให้สโมธานปริวาสเพื่ออาบัติเหล่านั้นแก่ภิกษุ
นั้น เมื่อภิกษุนั้นกำลังอยู่ปริวาสต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัวในระหว่าง มีจำนวน
นับไม่ได้ ไม่ได้ปิดไว้ จึงขอการชักเข้าหาอาบัติเดิม เพื่ออาบัติในระหว่างกับสงฆ์
สงฆ์ชักภิกษุนั้นเข้าหาอาบัติเดิม เพื่ออาบัติในระหว่าง ด้วยกรรมที่ชอบธรรม ไม่กำเริบ
ควรแก่ฐานะ ให้สโมธานปริวาสโดยชอบธรรม ให้มานัตโดยไม่ชอบธรรม อัพภาน
โดยไม่ชอบธรรม ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนั้นยังไม่หมดจดจากอาบัติเหล่านั้น (4)
ภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในกรณีนี้ ภิกษุต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัว มี
จำนวนนับได้บ้าง มีจำนวนนับไม่ได้บ้าง มีชื่ออย่างเดียวกันบ้าง มีชื่อต่างกันบ้าง
เป็นสภาคกันบ้าง ไม่เป็นสภาคกันบ้าง กำหนดได้บ้าง กระจายไปบ้าง ภิกษุนั้น
ขอสโมธานปริวาสเพื่ออาบัติเหล่านั้นกับสงฆ์ สงฆ์ให้สโมธานปริวาสเพื่ออาบัติ
เหล่านั้นแก่ภิกษุนั้น เมื่อภิกษุนั้นกำลังอยู่ปริวาสต้องอาบัติสังฆาทิเสสหลายตัว


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 6 หน้า :283 }