เมนู

พระวินัยปิฎก จูฬวรรค [3. สมุจจยขันธกะ] 3. จัตตาฬีสกะ
เป็นอันอยู่ดีแล้ว มานัตที่ให้แล้วเป็นอันให้ดีแล้ว มานัตที่ประพฤติแล้วเป็นอัน
ประพฤติดีแล้ว พึงประพฤติมานัตที่เหลือต่อไป (25)

ภิกษุผู้ปประพฤติมานัตลดฐานะเป็นสามเณรเป็นต้น
ภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในกรณีนี้ ภิกษุผู้กำลังประพฤติมานัต ลดฐานะเป็น
สามเณร ฯลฯ เกิดวิกลจริต ฯลฯ มีจิตฟุ้งซ่าน ฯลฯ กระสับกระส่วยเพราะเวทนา
ฯลฯถูกสงฆ์ลงอุกเขปนียกรรมเพราะไม่เห็นว่าเป็นอาบัติ ฯลฯ ถูกสงฆ์ลงอุกเขปนีย
กรรม เพราะไม่ทำคืนอาบัติ ฯลฯ ถูกสงฆ์ลงอุกเขปนียกรรมเพราะไม่สละทิฏฐิบาป
การประพฤติมานัตของภิกษุนั้นผู้ถูกสงฆ์ลงอุกเขปนียกรรมใช้ไม่ได้ ถ้าภิกษุนั้นถูก
เรียกเข้าหมู่อีก ให้ปริวาสเดิมนั้นแหละแก่ภิกษุนั้น ปริวาสที่ให้แล้ว เป็นอันให้ดีแล้ว
ปริวาสที่อยู่แล้วเป็นอันอยู่ดีแล้ว มานัตที่ให้แล้วเป็นอันให้ดีแล้ว มานัตที่ประพฤติ
แล้วเป็นอันประพฤติดีแล้ว พึงประพฤติมานัตที่เหลือต่อไป (26-32)

ภิกษุผู้ควรแก่อัพภานสึก
[164] ภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในกรณีนี้ ภิกษุผู้ควรแก่อัพภานสึกเสีย การ
อัพภาน ภิกษุนั้นผู้สึกแล้วใช้ไม่ได้ ถ้าภิกษุนั้นอุปสมบทใหม่ ให้ปริวาสเดิมนั้นแหละ
แก่ภิกษุนั้น ปริวาสที่ให้แล้วป็นอันให้ดีแล้ว ปริวาสที่อยู่แล้วเป็นอันอยู่ดีแล้ว มานัต
ที่ให้แล้วเป็นอันให้ดีแล้ว มานัตที่ประพฤติแล้วเป็นอันประพฤติดีแล้ว สงฆ์พึงอัพภาน
ภิกษุนั้น (33)

ภิกษุผู้ควรแก่อัพภานลดฐานะเป็นสามเณรเป็นต้น
ภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในกรณีนี้ ภิกษุผู้ควรแก่อัพภาน ลดฐานะเป็นสามเณร ฯลฯ
เกิดวิกลจริต ฯลฯ มีจิตฟุ้งซ่าน ฯลฯ กระสับกระส่ายเพราะเวทนา ฯลฯ ถูกสงฆ์ลง
อุกเขปนียกรรมเพราะไม่เห็นว่าเป็นอาบัติ ฯลฯ ถูกสงฆ์ลงอุกเขปนียกรรมเพราะไม่
ทำคืนอาบัติ ฯลฯ ถูกสงฆ์ลงอุกเขปนียกรรมเพราะไม่สละทิฏฐิบาป การอัพภาน

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 6 หน้า :262 }


พระวินัยปิฎก จูฬวรรค [3. สมุจจยขันธกะ] 4. ฉัตติงสกะ
ภิกษุนั้นผู้ถูกสงฆ์ลงอุกเขปนียกรรมใช้ไม่ได้ ถ้าภิกษุนั้นถูกเรียกเข้าหมู่อีก ให้ปริวาส
เดิมนั้นแหละแก่ภิกษุนั้น ปริวาสที่ให้แล้วเป็นอันให้ดีแล้ว ปริวาสที่อยู่แล้วเป็นอันอยู่
ดีแล้ว มานัตที่ให้แล้วเป็นอันให้ดีแล้ว มานัตที่ประพฤติแล้วเป็นอันประพฤติดีแล้ว
สงฆ์พึงอัพภานภิกษุนั้น (34-40)
จัตตาฬีสกะ จบ

4. ฉัตติงสกะ
ว่าด้วยกรณีตัวอย่าง 36 กรณี

ภิกษุกำลังอยู่ปริวาสต้องอาบัติสังฆาทิเสส
[165] ภิกษุทั้งหลาย ก็ในกรณีนี้ ภิกษุกำลังอยู่ปริวาส ต้องอาบัติ
สังฆาทิเสสหลายตัวในระหว่าง มีจำนวนนับได้ ไม่ได้ปิดไว้ สงฆ์พึงชักภิกษุนั้นเข้าหา
อาบัติเดิม (1)
ภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในกรณีนี้ ภิกษุกำลังอยู่ปริวาส ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
หลายตัว ในระหว่าง มีจำนวนนับได้ ปิดไว้ สงฆ์พึงชักภิกษุนั้นเข้าหาอาบัติเดิม และ
พึงให้สโมธานปริวาสเพื่ออาบัติตัวก่อน บรรดาอาบัติตามที่ปิดไว้แก่ภิกษุนั้น (2)
ภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในกรณีนี้ ภิกษุกำลังอยู่ปริวาส ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
หลายตัวในระหว่าง มีจำนวนนับได้ ปิดไว้บ้าง ไม่ได้ปิดไว้บ้าง สงฆ์พึงชักภิกษุนั้น
เข้าหาอาบัติเดิม และพึงให้สโมธานปริวาสเพื่ออาบัติตัวก่อน บรรดาอาบัติตามที่ปิด
ไว้แก่ภิกษุนั้น (3)
ภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในกรณีนี้ ภิกษุกำลังอยู่ปริวาส ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
หลายตัวในระหว่าง มีจำนวนนับไม่ได้ ไม่ได้ปิดไว้ สงฆ์พึงชักภิกษุนั้นเข้าหาอาบัติ
เดิม (4)

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 6 หน้า :263 }