เมนู

พระวินัยปิฎก จูฬวรรค [3. สมุจจยขันธกะ] 3. จัตตาฬีสกะ
สละทิฏฐิบาป การชักภิกษุผู้ถูกสงฆ์ลงอุกเขปนียกรรมนั้นเข้าหาอาบัติเดิมใช้ไม่ได้
ถ้าภิกษุนั้นถูกเรียกเข้าหมู่อีก ให้ปริวาสเดิมนั้นแหละแก่ภิกษุนั้น ปริวาสที่ให้แล้ว
เป็นอันให้ดีแล้ว ปริวาสที่อยู่แล้วเป็นอันอยู่ดีแล้ว สงฆ์พึงชักภิกษุนั้นเข้าหาอาบัติเดิม
(10-16)

ภิกษุผู้ควรแก่มานัตสึก
[162] ภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในกรณีนี้ ภิกษุผู้ควรแก่มานัตสึกเสีย การให้
มานัตแก่ภิกษุนั้นผู้สึกแล้วใช้ไม่ได้ ถ้าภิกษูนั้นอุปสมบทใหม่ ให้ปริวาสเดิมนั้นแหละ
แก่ภิกษุนั้น ปริวาสที่ให้แล้วเป็นอันให้ดีแล้ว ปริวาสที่อยู่แล้วเป็นอันอยู่ดีแล้ว สงฆ์
พึงให้มานัตแก่ภิกษุนั้น (17)

ภิกษุผู้ควรแก่มานัตลดฐานะเป็นสามเณรเป็นต้น
ภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในกรณีนี้ ภิกษุผู้ควรแก่มานัต ลดฐานะเป็นสามเณร ฯลฯ
เกิดวิกลจริต ฯลฯ มีจิตฟุ้งซ่าน ฯลฯ กระสับกระส่ายเพราะเวทนา ฯลฯ ถูกสงฆ์
ลงอุกเขปนียกรรมเพราะไม่เห็นว่าเป็นอาบัติ ฯลฯ ถูกสงฆ์ลงอุกเขปนียกรรมเพราะ
ไม่ทำคืนอาบัติ ฯลฯ ถูกสงฆ์ลงอุกเขปนียกรรมเพราะไม่สละทิฏฐิบาป การให้มานัต
แก่ภิกษุผู้ถูกสงฆ์ลงอุกเขปนียกรรมนั้นใช้ไม่ได้ ถ้าภิกษุนั้นถูกเรียกเข้าหมู่อีก ให้
ปริวาสเดิมนั้นแหละแก่ภิกษุนั้น ปริวาสที่ให้แล้วเป็นอันให้ดีแล้ว ปริวาสที่อยู่แล้วเป็น
อันอยู่ดีแล้ว สงฆ์พึงให้มานัตแก่ภิกษุนั้น (18-24)

ภิกษุผู้ประพฤติมานัตสึก
[163] ภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ในกรณีนี้ ภิกษุกำลังประพฤติมานัตสึกเสีย
การประพฤติมานัตของภิกษุผู้สึกแล้วใช้ไม่ได้ ถ้าภิกษุนั้นอุปสมบทใหม่ ให้
ปริวาสเดิมนั้นแหละแก่ภิกษุนั้น ปริวาสที่ให้แล้วเป็นอันให้ดีแล้ว ปริวาสที่อยู่แล้ว

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 6 หน้า :261 }