เมนู

พระวินัยปิฎก จูฬวรรค [3. สมุจจยขันธกะ] 2. ปริวาส
ภิกษุผู้ฉลาดสามารถพึงประกาศให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติจตุตถกรรมวาจาว่า
[137] “ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ภิกษุชื่อนี้รูปนี้ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
หลายตัว คือ อาบัติ 1 ตัวปิดไว้ 1 วัน ฯลฯ อาบัติ 10 ตัวปิดไว้ 10 วัน
บรรดาอาบัติเหล่านั้น อาบัติเหล่าใดปิดไว้นานกว่าอาบัติทั้งหมด ภิกษุชื่อนี้ขอ
อัคฆสโมธานปริวาสเพื่ออาบัติเหล่านั้นกับสงฆ์ ถ้าสงฆ์พร้อมกันแล้ว บรรดาอาบัติ
เหล่านั้น อาบัติเหล่าใดปิดไว้นานกว่าอาบัติทั้งหมด สงฆ์พึงให้อัคฆสโมธานปริวาส
เพื่ออาบัติเหล่านั้นแก่ภิกษุชื่อนี้ นี่เป็นญัตติ
ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ภิกษุชื่อนี้รูปนี้ต้องอาบัติสังฆาทิเสส
หลายตัว คือ อาบัติ 1 ตัวปิดไว้ 1 วัน ฯลฯ อาบัติ 10 ตัวปิดไว้ 10 วัน บรรดา
อาบัติเหล่านั้น อาบัติเหล่าใดปิดไว้นานกว่าอาบัติทั้งหมด ภิกษุชื่อนี้ขออัคฆสโมธาน
ปริวาสเพื่ออาบัติเหล่านั้นกับสงฆ์ บรรดาอาบัติเหล่านั้น อาบัติเหล่าใดปิดไว้นานกว่า
อาบัติทั้งหมด สงฆ์ให้อัคฆสโมธานปริวาสเพื่ออาบัติเหล่านั้นแก่ภิกษุชื่อนี้ บรรดา
อาบัติเหล่านั้น อาบัติเหล่าใดปิดไว้นานกว่าอาบัติทั้งหมดท่านรูปใดเห็นด้วยกับการ
ให้อัคฆสโมธานปริวาส เพื่ออาบัติเหล่านั้นแก่ภิกษุชื่อนี้ ท่านรูปนั้นพึงนิ่ง ท่านรูปใด
ไม่เห็นด้วย ท่านรูปนั้นพึงทักท้วง
แม้ครั้งที่ 2 ข้าพเจ้ากล่าวความนี้ว่า ฯลฯ
แม้ครั้งที่ 3 ข้าพเจ้ากล่าวความนี้ว่า ฯลฯ
บรรดาอาบัติเหล่านั้น อาบัติเหล่าใดปิดไว้นานกว่าอาบัติทั้งหมด อัคฆสโมธาน-
ปริวาสเพื่ออาบัติเหล่านั้น สงฆ์ให้แก่ภิกษุชื่อนี้ สงฆ์เห็นด้วย เพราะฉะนั้นจึงนิ่ง
ข้าพเจ้าขอถือความนิ่งนั้นเป็นมติอย่างนี้”


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 6 หน้า :239 }