เมนู

พระวินัยปิฎก จูฬวรรค [3. สมุจจยขันธกะ] 1. สุกกวิสัฏฐิ
อัพภานารหมูลายปฏิกัสสนาทิ
ว่าด้วยการชักภิกษุผู้ควรแก่อัพภานเข้าหาอาบัติเดิมเป็นต้น
[131] ท่านพระอุทายีนั้น ประพฤติมานัตแล้ว ควรแก่อัพภาน ต้องอาบัติ
1 ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง ปิดไว้ 5 วัน บอกแก่ภิกษุทั้งหลาย
ว่า “ท่านทั้งหลาย กระผมต้องอาบัติ 1 ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ 1 ปักษ์
ฯลฯ กระผมนั้นประพฤติมานัตแล้ว เป็นผู้ควรแก่อัพภาน ต้องอาบัติ 1 ตัวชื่อ
สัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง ปิดไว้ 5 วัน กระผมจะปฏิบัติอย่างไร”
ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า “ภิกษุทั้งหลาย ถ้าเช่นนั้น สงฆ์จงชักภิกษุอุทายีเข้า
หาอาบัติเดิม เพื่ออาบัติ 1 ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง ปิดไว้ 5 วัน
แล้วให้สโมธานปริวาส เพื่ออาบัติตัวก่อน แล้วให้มานัต 6 ราตรี
ภิกษุทั้งหลาย สงฆ์พึงชักภิกษุอุทายีนั้นเข้าหาอาบัติเดิมอย่างนี้ ฯลฯ
ภิกษุทั้งหลาย สงฆ์พึงให้สโมธานปริวาสเพื่ออาบัติตัวก่อนอย่างนี้ ฯลฯ
ภิกษุทั้งหลาย สงฆ์พึงให้มานัต 6 ราตรีอย่างนี้ ฯลฯ สงฆ์ให้ ฯลฯ
มานัต 6 ราตรี เพื่ออาบัติ 1 ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง ปิดไว้
5 วัน สงฆ์ให้แล้วแก่ภิกษุอุทายี สงฆ์เห็นด้วย เพราะฉะนั้นจึงนิ่ง ข้าพเจ้าขอถือ
ความนิ่งนั้นเป็นมติอย่างนี้”

ปักขปฏิจฉันนอัพภาน
ว่าด้วยอัพภานสำหรับอาบัติที่ปิดไว้ 1 ปักษ์และกรรมวาจา
[132] ท่านพระอุทายีนั้นประพฤติมานัตแล้ว บอกแก่ภิกษุทั้งหลายว่า “ท่าน
ทั้งหลาย กระผมต้องอาบัติ 1 ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ 1 ปักษ์ ฯลฯ
กระผมนั้นประพฤติมานัดแล้ว กระผมจะปฎิบัติอย่างไร”
ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า “ภิกษุทั้งหลาย ถ้าเช่นนั้น สงฆ์จงอัพภานภิกษุอุทายี”

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 6 หน้า :231 }