เมนู

พระวินัยปิฎก จูฬวรรค [3. สมุจจยขันธกะ] 1. สุกกวิสัฏฐิ
ภิกษุอุทายีนั้นประพฤติมานัตแล้ว ขออัพภาน ต่อสงฆ์ ถ้าสงฆ์พร้อมกันแล้ว สงฆ์
พึงอัพภานภิกษุอุทายี นี่เป็นญัตติ
ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ภิกษุอุทายีนี้ต้องอาบัติ 1 ตัวชื่อสัญเจตนิกา-
สุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ 5 วัน ฯลฯ ภิกษุอุทายีนั้นประพฤติมานัตแล้ว ขออัพภานกับ
สงฆ์ สงฆ์อัพภานภิกษุอุทายีแล้ว ท่านรูปใดเห็นด้วยกับการอัพภานภิกษุอุทายี ท่าน
รูปนั้นพึงนิ่ง ท่านรูปใดไม่เห็นด้วย ท่านรูปนั้นพึงทักท้วง
แม้ครั้งที่ 2 ข้าพเจ้ากล่าวความนี้ว่า ฯลฯ
แม้ครั้งที่ 3 ข้าพเจ้ากล่าวความนี้ว่า ฯลฯ
ภิกษุอุทายี สงฆ์อัพภานแล้ว สงฆ์เห็นด้วย เพราะฉะนั้นจึงนิ่ง ข้าพเจ้าขอ
ถือความนิ่งนั้นเป็นมติอย่างนี้”

ปักขปฏิจฉันนปริวาส
ว่าด้วยปริวาสสำหรับอาบัติที่ปิดไว้ 1 ปักษ์
[121] สมัยนั้น ท่านพระอุทายีต้องอาบัติ 1 ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ
ปิดไว้ 1 ปักษ์ บอกแก่ภิกษุทั้งหลายว่า “ท่านทั้งหลาย กระผมต้องอาบัติ 1 ตัว
ชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ 1 ปักษ์ กระผมจะปฏิบัติอย่างไร”
ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า “ภิกษุทั้งหลาย ถ้าเช่นนั้น สงฆ์จงให้ปักขปริวาส
เพื่ออาบัติ 1 ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ 1 ปักษ์ แก่ภิกษุอุทายี”

วิธีให้ปักขปริวาส และกรรมวาจา
ภิกษุทั้งหลาย สงฆ์พึงให้ปักขปริวาสอย่างนี้ คือ ภิกษุอุทายีนั้น พึงเข้าไปหา
สงฆ์ ห่มอุตตราสงค์เฉวียงบ่าข้างหนึ่ง กราบเท้าภิกษุผู้แก่พรรษาทั้งหลาย นั่ง
กระโหย่ง ประนมมือ กล่าวอย่างนี้ว่า “ท่านผู้เจริญ กระผมต้องอาบัติ 1 ตัวชื่อ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 6 หน้า :222 }


พระวินัยปิฎก จูฬวรรค [3. สมุจจยขันธกะ] 1. สุกกวิสัฏฐิ
สัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ 1 ปักษ์ ท่านผู้เจริญ กระผมนั้นขอปักขปริวาส เพื่อ
อาบัติ 1 ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ 1 ปักษ์กับสงฆ์”
พึงขอแม้ครั้งที่ 2 ฯลฯ
พึงขอแม้ครั้งที่ 3 ฯลฯ
ภิกษุผู้ฉลาดสามารถพึงประกาศให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติจตุตถกรรมวาจาว่า
[122] “ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ภิกษุอุทายีนี้ต้องอาบัติ 1 ตัวชื่อ
สัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ 1 ปักษ์ ภิกษุอุทายีนั้นขอปักขปริวาสเพื่ออาบัติ 1
ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ 1 ปักษ์กับสงฆ์ ถ้าสงฆ์พร้อมกันแล้วพึงให้
ปักขปริวาส เพื่ออาบัติ 1 ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ 1 ปักษ์ แก่ภิกษุอุทายี
นี่เป็นญัตติ
ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ภิกษุอุทายีนี้ ต้องอาบัติ 1 ตัวชื่อ
สัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ 1 ปักษ์ ภิกษุอุทายีนั้นขอปักขปริวาส เพื่ออาบัติ 1
ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ 1 ปักษ์กับสงฆ์ สงฆ์ให้ปักขปริวาส เพื่ออาบัติ
1 ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ 1 ปักษ์ แก่ภิกษุอุทายีแล้ว ท่านรูปใด
เห็นด้วยกับการให้ปริวาส 1 ปักษ์ เพื่ออาบัติ 1 ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้
1 ปักษ์ แก่ภิกษุอุทายี ท่านรูปนั้นพึงนิ่ง ท่านรูปใดไม่เห็นด้วย ท่านรูปนั้นพึงทักท้วง
แม้ครั้งที่ 2 ข้าพเจ้ากล่าวความนี้ว่า ฯลฯ
แม้ครั้งที่ 3 ข้าพเจ้ากล่าวความนี้ว่า ฯลฯ
ปักขปริวาส เพื่ออาบัติ 1 ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ 1 ปักษ์ สงฆ์
ให้แล้วแก่ภิกษุอุทายี สงฆ์เห็นด้วย เพราะฉะนั้นจึงนิ่ง ข้าพเจ้าขอถือเอาความนิ่งนั้น
เป็นมติอย่างนี้”

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 6 หน้า :223 }