เมนู

พระวินัยปิฎก จูฬวรรค [3. สมุจจยขันธกะ] 1. สุกกวิสัฏฐิ
ผู้ควรแก่มานัต ต้องอาบัติ 1 ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้
ภิกษุอุทายีนั้นขอการชักเข้าหาอาบัติ เดิม เพื่ออาบัติ 1 ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ
ในระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้กับสงฆ์ สงฆ์ชักภิกษุอุทายีเข้าหาอาบัติเดิม เพื่ออาบัติ 1
ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้ ภิกษุอุทายีนั้นอยู่ปริวาสแล้ว
ขอมานัต 6 ราตรี เพื่ออาบัติ 3 ตัวกับสงฆ์ สงฆ์ได้ให้มานัต 6 ราตรี เพื่ออาบัติ
3 ตัวแก่ภิกษุอุทายี แล้ว ภิกษุอุทายีนั้นกำลังประพฤติมานัต ต้องอาบัติ 1 ตัวชื่อ
สัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้ ภิกษุอุทายีนั้นจึงขอการชักเข้าหา
อาบัติเดิม เพื่ออาบัติ 1 ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้กับสงฆ์
สงฆ์ชักภิกษุอุทายีเข้าหาอาบัติเดิม เพื่ออาบัติ 1 ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ใน
ระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้ ท่านรูปใดเห็นด้วยกับการชักภิกษุอุทายีเข้าหาอาบัติเดิม เพื่อ
อาบัติ 1 ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้ ท่านรูปนั้นพึงนิ่ง ท่าน
รูปใดไม่เห็นด้วย ท่านรูปนั้นพึงทักท้วง
แม้ครั้งที่ 2 ข้าพเจ้ากล่าวความนี้ว่า ฯลฯ
แม้ครั้งที่ 3 ข้าพเจ้ากล่าวความนี้ว่า ฯลฯ
ภิกษุอุทายี สงฆ์ชักเข้าหาอาบัติเดิมแล้ว เพื่ออาบัติ 1 ตัวชื่อสัญเจตนิกา-
สุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้ สงฆ์เห็นด้วย เพราะฉะนั้นจึงนิ่ง ข้าพเจ้าขอถือ
ความนิ่งนั้นเป็นมติอย่างนี้”

วิธีให้มานัตและกรรมวาจา
ภิกษุทั้งหลาย สงฆ์พึงให้มานัต 6 ราตรีอย่างนี้ คือ ภิกษุอุทายีนั้นพึง
เข้าไปหาสงฆ์ ห่มอุตตราสงค์เฉวียงบ่าข้างหนึ่ง กราบเท้าภิกษุผู้แก่พรรษาทั้งหลาย
นั่งกระโหย่ง ประนมมือ กล่าวอย่างนี้ว่า “ท่านผู้เจริญ กระผมต้องอาบัติ 1 ตัว
ชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ 5 วัน ฯลฯ กระผมนั้นอยู่ปริวาสแล้ว ขอมานัต
6 ราตรี เพื่ออาบัติ 3 ตัวกับสงฆ์ สงฆ์ได้ให้มานัต 6 ราตรี เพื่ออาบัติ 3 ตัว
แก่กระผมแล้ว กระผมนั้นกำลังประพฤติมานัต ต้องอาบัติ 1 ตัวชื่อสัญเจตนิกา-

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 6 หน้า :216 }