เมนู

พระวินัยปิฎก จูฬวรรค [3. สมุจจยขันธกะ] 1. สุกกวิสัฏฐิ
ภิกษุอุทายี สงฆ์ได้ให้มานัต 6 ราตรีเพื่ออาบัติ 3 ตัวแล้ว สงฆ์เห็นด้วย
เพราะฉะนั้นจึงนิ่ง ข้าพเจ้าขอถือความนิ่งนั้นเป็นมติอย่างนี้”

มานัตตจาริกมูลายปฏิกัสสนา
ว่าด้วยการชักภิกษุผู้ประพฤติมานัตเข้าหาอาบัติเดิม
[116] ท่านพระอุทายีนั้นกำลังประพฤติมานัต ต้องอาบัติ 1 ตัวชื่อสัญเจตนิกา
สุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้ บอกแก่ภิกษุทั้งหลายว่า “ท่านทั้งหลาย กระผม
ต้องอาบัติ 1 ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ 5 วัน กระผมนั้นขอปริวาส 5
วัน เพื่ออาบัติ 1 ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ 5 วันกับสงฆ์ สงฆ์ได้ให้ปริวาส
5 วัน เพื่ออาบัติ 1 ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ 5 วันแก่กระผมแล้ว
กระผมนั้นกำลังอยู่ปริวาสต้องอาบัติ 1 ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง
ไม่ได้ปิดไว้ กระผมนั้นจึงขอการชักเข้าหาอาบัติเดิม เพื่ออาบัติ 1 ตัวชื่อสัญเจตนิกา-
สุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้กับสงฆ์ สงฆ์ชักกระผมนั้นเข้าหาอาบัติเดิม เพื่ออาบัติ
1 ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้ กระผมนั้นอยู่ปริวาสแล้ว
เป็นผู้ควรแก่มานัต ต้องอาบัติ 1 ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้
กระผมนั้นจึงขอการชักเข้าหาอาบัติเดิมเพื่ออาบัติ 1 ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ
ในระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้กับสงฆ์ สงฆ์ชักกระผมนั้นเข้าหาอาบัติเดิม เพื่ออาบัติ 1
ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้ กระผมนั้นอยู่ปริวาสแล้วขอ
มานัต 6 ราตรี เพื่ออาบัติ 3 ตัวกับสงฆ์ สงฆ์ได้ให้มานัต 6 ราตรี เพื่ออาบัติ
3 ตัวแก่กระผม กระผมนั้นกำลัประพฤติมานัต ต้องอาบัติ 1 ตัวชื่อสัญเจตนิกา-
สุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้ กระผมจะปฏิบัติอย่างไร”
ภิกษุทั้งหลายจึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า “ภิกษุทั้งหลาย ถ้าเช่นนั้น สงฆ์จงชักภิกษุอุทายี
เข้าหาอาบัติเดิมเพื่ออาบัติ 1 ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้
แล้วให้มานัต 6 ราตรี”


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 6 หน้า :213 }


พระวินัยปิฎก จูฬวรรค [3. สมุจจยขันธกะ] 1. สุกกวิสัฏฐิ
วิธีชักเข้าหาอาบัติเดิม และกรรมวาจา
ภิกษุทั้งหลาย สงฆ์พึงชักเข้าหาอาบัติเดิมอย่างนี้ คือ ภิกษุอุทายีนั้นพึงเข้าไป
หาสงฆ์ ห่มอุตตราสงค์เฉวียงบ่าข้างหนึ่ง กราบเท้าภิกษุผู้แก่พรรษาทั้งหลาย
นั่งกระโหย่ง ประนมมือ กล่าวอย่างนี้ว่า “ท่านผู้เจริญ กระผมต้องอาบัติ 1 ตัว
ชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ 5 วัน กระผมนั้นขอปริวาส 5 วัน เพื่อ
อาบัติ 1 ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ 5 วันกับสงฆ์ สงฆ์ได้ให้ปริวาส
5 วัน เพื่ออาบัติ 1 ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ 5 วันแก่กระผมแล้ว
กระผมนั้นกำลังอยู่ปริวาส ต้องอาบัติ 1 ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง
ไม่ได้ปิดไว้ กระผมนั้นจึงขอการชักเข้าหาอาบัติเดิม เพื่ออาบัติ 1 ตัวชื่อสัญเจตนิกา-
สุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้กับสงฆ์ สงฆ์ชักกระผมนั้นเข้าหาอาบัติเดิม
เพื่ออาบัติ 1 ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้ กระผมนั้นอยู่
ปริวาสแล้ว เป็นผู้ควรแก่มานัต ต้องอาบัติ 1 ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ใน
ระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้ กระผมนั้นจึงขอการชักเข้าหาอาบัติเดิม เพื่ออาบัติ 1 ตัว
ชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้กับสงฆ์ สงฆ์ชักกระผมนั้นเข้าหา
อาบัติเดิม เพื่ออาบัติ 1 ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้
กระผมนั้นอยู่ปริวาสแล้ว ขอมานัต 6 ราตรี เพื่ออาบัติ 3 ตัวกับสงฆ์ สงฆ์ได้ให้
มานัต 6 ราตรี เพื่ออาบัติ 3 ตัวแก่กระผม กระผมนั้นกำลังประพฤติมานัตต้อง
อาบัติ 1 ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง ไม่ได้ปิดไว้ ท่านผู้เจริญ กระผม
นั้นขอการชักเข้าหาอาบัติเดิมเพื่ออาบัติ 1 ตัวชื่อสัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ในระหว่าง
ไม่ได้ปิดไว้กับสงฆ์”
พึงขอแม้ครั้งที่ 2 ฯลฯ
พึงขอแม้ครั้งที่ 3 ฯลฯ
ภิกษุผู้ฉลาดสามารถพึงประกาศให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติจตุตถกรรมวาจาว่า
[117] “ท่านผู้เจริญ ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า ภิกษุอุทายีนี้ต้องอาบัติ 1 ตัวชื่อ
สัญเจตนิกาสุกกวิสัฏฐิ ปิดไว้ 5 วัน ภิกษุอุทายีนั้นขอปริวาส 5 วัน เพื่ออาบัติ


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 6 หน้า :214 }