เมนู

พระวินัยปิฎก จูฬวรรค [2. ปาริวาสิกขันธกะ] 5. อัพภานารหวัตตะ
ทรงประชุมสงฆ์สอบถาม
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งให้ประชุมสงฆ์ เพราะเรื่องนี้เป็นต้นเหตุ
ทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า “ภิกษุทั้งหลาย ทราบว่าพวกภิกษุผู้ควรแก่อัพภาน
ยินดีการที่ปกตัตตภิกษุกราบไหว้ ลุกรับ ฯลฯ การถูหลังให้ในคราวอาบน้ำ
จริงหรือ”
พวกภิกษุกราบทูลว่า “จริง พระพุทธเจ้าข้า”
พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงตำหนิว่า “ภิกษุทั้งหลาย การกระทำอย่างนั้น
ไม่สมควร ฯลฯ ภิกษุทั้งหลาย ไฉนพวกภิกษุผู้ควรแก่อัพภานจึงยินดีการที่ปกตัตต
ภิกษุทั้งหลาย กราบไหว้ ลุกรับ ฯลฯ การถูหลังให้ในคราวอาบน้ำเล่า ภิกษุทั้งหลาย
การกระทำอย่างนี้ มิได้ทำให้คนที่ยังไม่เลื่อมใสให้เลื่อมใส ฯลฯ ครั้นทรงตำหนิแล้ว
ฯลฯ ทรงแสดงธรรมีกถาแล้วรับสั่งกับภิกษุทั้งหลายว่า “ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ควร
แก่อัพภานไม่พึงยินดีการที่ปกตัตตภิกษุทั้งหลายกราบไหว้ ลุกรับ ฯลฯ การถูหลัง
ให้ในคราวอาบน้ำ รูปใดยินดี ต้องอาบัติทุกกฏ
ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตการกราบไหว้ ลุกรับ ฯลฯ การถูหลังให้ในคราว
อาบน้ำ ของภิกษุผู้ควรแก่อัพภานด้วยกันตามลำดับพรรษา
ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตกิจ 5 อย่าง คือ อุโบสถ ปวารณา ผ้าอาบน้ำฝน
การสละภัต ภัตเพื่อภิกษุผู้ควรแก่อัพภานด้วยกันตามลำดับพรรษา
ภิกษุทั้งหลาย ถ้าอย่างนั้น เราจะบัญญัติวัตรแก่ภิกษุผู้ควรแก่อัพภานโดยวิธี
ที่ภิกษุผู้ควรแก่อัพภานทั้งหลายต้องประพฤติ

วัตร 79 ข้อของภิกษุผู้ควรแก่อัพภาน
[96] ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ควรแก่อัพภานพึงประพฤติโดยชอบ การประพฤติ
โดยชอบในเรื่องนั้นดังนี้ ภิกษุผู้ควรแก่อัพภาน
1. ไม่พึงให้อุปสมบท
2. ไม่พึงให้นิสัย

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 6 หน้า :187 }


พระวินัยปิฎก จูฬวรรค [2. ปาริวาสิกขันธกะ] 5. อัพภานารหวัตตะ
3. ไม่พึงใช้สามเณรอุปัฏฐาก
ฯลฯ (พึงอธิบายวัตรของภิกษุผู้ควรแก่มานัต ผู้ประพฤติมานัต
และผู้ควรแก่อัพภาน ทั้ง 3 ให้เป็นอันเดียวกัน เหมือนวัตรของ
ภิกษุผู้ควรแก่การชักเข้าหาอาบัติเดิม ฉะนั้น)
18. ไม่พึงชักชวนกันก่อความทะเลาะ
19. ไม่พึงเดินนำหน้าปกตัตตภิกษุ
20. ไม่พึงนั่งข้างหน้าปกตัตตภิกษุ
21. พึงพอใจอาสนะสุดท้าย ที่นอนสุดท้าย วิหารสุดท้ายของสงฆ์ที่จะ
ให้เธอ
22. ไม่พึงมีปกตัตตภิกษุเป็นปุเรสมณะ หรือเป็นปัจฉาสมณะเข้าตระกูล
23. ไม่พึงสมาทานอารัญญิกังคธุดงค์
24. ไม่พึงสมาทานปิณฑปาติกังคธุดงค์
25. ไม่พึงให้เขานำบิณฑบาตมาส่ง เพราะปัจจัยนั้นด้วยคิดว่า “คนอย่า
ได้รู้จักเรา”
26. ไม่พึงออกจากอาวาสที่มีภิกษุไปสู่อาวาสซึ่งไม่มีภิกษุ เว้นแต่ไปกับ
ปกตัตตภิกษุ เว้นแต่มีอันตราย
27. ไม่พึงออกจากอาวาสที่มีภิกษุไปสู่สถานที่มิใช่อาวาสซึ่งไม่มีภิกษุ
เว้นแต่ไปกับปกตัตตภิกษุ เว้นแต่มีอันตราย
ฯลฯ (พึงอธิบายให้พิสดารเหมือนที่ผ่านมา)
44. พึงออกจากอาวาสที่มีภิกษุ ฯลฯ
45. พึงออกจากสถานที่มิใช่อาวาสที่มีภิกษุ ฯลฯ
46. พึงออกจากอาวาสหรือสถานที่มีใช่อาวาสที่มีภิกษุ ไปสู่อาวาส ฯลฯ
47. พึงออกจากอาวาสที่มีภิกษุ ไปสู่สถานที่มิใช่อาวาสที่มีภิกษุ ฯลฯ
48. พึงออกจากสถานที่มิใช่อาวาสมีภิกษุ ไปสู่อาวาสหรือสถานที่มิใช่
อาวาสมีภิกษุซึ่งมีภิกษุเป็นสมานสังวาสอยู่ด้วย ถ้ารู้ว่า “เราสามารถ
ไปถึงในวันนั้นแหละ”

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 6 หน้า :188 }