เมนู

พระวินัยปิฎก จูฬวรรค [2. ปาริวาสิกขันธกะ] 4. มานัตตจาริกวัตตะ
67. ไม่พึงเดินจงกรมในที่จงกรมเดียวกันกับปกตัตตภิกษุ
68. เมื่อปกตัตตภิกษุเดินจงกรมอยู่ในที่จงกรมต่ำ ไม่พึงเดินจงกรมในที่
จงกรมสูง
69. เมื่อปกตัตตภิกษุเดินจงกรมอยู่ที่พื้นดิน ไม่พึงเดินจงกรมในที่
จงกรม
70-89. ไม่พึงอยู่ในอาวาสที่มุงบังดียวกันกับภิกษุผู้อยู่ปริวาส ... กับภิกษุ
ผู้ควรแก่การชักเข้าหาอาบัติเดิม ... กับภิกษุควรแก่มานัต ... กับ
ภิกษุผู้ประพฤติมานัตที่มีพรรษาแก่กว่า ... กับภิกษุผู้ควรแก่อัพภาน
... ไม่พึงอยู่ในสถานที่มิใช่อาวาสที่มุงบังเดียวกันกับภิกษุผู้ควรแก่
อัพภาน ... ไม่พึงอยู่ในอาวาสหรือสถานที่มิใช่อาวาสที่มุงบังเดียว
กันกับภิกษุผู้ควรแก่อัพภาน ... ไม่พึงนั่งบนอาสนะเดียวกันกับภิกษุ
ผู้ควรแก่อัพภาน
90. เมื่อภิกษุผู้ควรแก่อัพภานนั่งบนอาสนะต่ำ ไม่พึงนั่งบนอาสนะสูง
91. เมื่อภิกษุผู้ควรแก่อัพภานนั่งบนพื้นดิน ไม่พึงนั่งบนอาสนะ
92. ไม่พึงเดินจงกรมในที่จงกรมเดียวกันกับภิกษุผู้ควรแก่อัพภาน
93. เมื่อภิกษุผู้ควรแก่อัพภานเดินจงกรมอยู่ในที่จงกรมต่ำ ไม่พึงเดิน
จงกรมในที่จงกรมสูง
94. เมื่อภิกษุผู้ควรแก่อัพภานเดินจงกรมอยู่ที่พื้นดิน ไม่พึงเดินจงกรม
ในที่จงกรม
ภิกษุทั้งหลาย ถ้าสงฆ์มีภิกษุผู้ประพฤติมานัตเป็นรูปที่ 4 พึงให้ปริวาสชักเข้า
หาอาบัติเดิม ให้มานัต สงฆ์มีภิกษุผู้ประพฤติมานัตนั้นเป็นรูปที่ 20 พึงอัพภาน
กรรมนั้นไม่จัดเป็นกรรม และไม่ควรทำ
วัตร 94 ข้อของภิกษุผู้ประพฤติมานัต จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 6 หน้า :184 }


พระวินัยปิฎก จูฬวรรค [2. ปาริวาสิกขันธกะ] 4. มานัตตจาริกวัตตะ
รัตติเฉท
ว่าด้วยเหตุให้ขาดราตรี 4 อย่าง
[92] ครั้งนั้น ท่านพระอุบาลีเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นแล้ว
ได้ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาค นั่งอยู่ ณ ที่สมควร กราบทูลพระผู้มีพระภาค
ดังนี้ว่า “รัตติเฉทของภิกษุผู้ประพฤติมานัตมีเท่าไร พระพุทธเจ้าข้า”
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “อุบาลี รัตติเฉทของภิกษุผู้ประพฤติมานัตมี 4 อย่าง
คือ

1. สหวาสะ (การอยู่ร่วมกัน)
2. วิปปวาสะ (การอยู่ปราศ)
3. อนาโรจนา (การไม่บอก)
4. อูเนคเณจรณะ (การประพฤติมานัตในคณะสงฆ์อันพร่อง)

อุบาลี รัตติเฉทของภิกษุผู้ประพฤติมานัติมี 4 อย่างนี้แล

ทรงอนุญาตให้เก็บมานัต
[93] สมัยนั้น ภิกษุสงฆ์มาประชุมกันจำนวนมากในกรุงสาวัตถี ภิกษุทั้งหลาย
ผู้ประพฤติมานัตไม่สามารถจะทำมานัตให้บริสุทธิ์ได้ จึงนำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มี
พระภาคให้ทรงทราบ
พระผู้มีพระภาครับสั่งว่า “ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้เก็บมานัต”

วิธีเก็บมานัต
ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพึงเก็บมานัตอย่างนี้ ภิกษุผู้ประพฤติมานัตพึงเข้าไปหา
ภิกษุรูปหนึ่ง ห่มอุตตราสงค์เฉวียงบ่าข้างหนึ่ง นั่งกระโหย่ง ประนมมือ กล่าวว่า
“ข้าพเจ้าเก็บมานัต” มานัตย่อมเป็นอันเก็บ หรือกล่าวว่า “ข้าพเจ้าเก็บวัตร” มานัต
ย่อมเป็นอันเก็บ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 6 หน้า :185 }