เมนู

พระวินัยปิฎก จูฬวรรค [1. กัมมขันธกะ] 7. อุกเขปนียกรรมเพราะไม่สละทิฏฐิบาป
1. รูปหนึ่งกล่าวติเตียนพระพุทธเจ้า 2. รูปหนึ่งกล่าวติเตียนพระธรรม
3. รูปหนึ่งกล่าวติเตียนพระสงฆ์
ภิกษุทั้งหลาย สงฆ์เมื่อมุ่งหวัง พึงลงอุกเขปนียกรรม เพราะไม่สละทิฏฐิบาป
แก่ภิกษุ 3 รูปเหล่านี้แล (6)
อากังขมานฉักกะ
ในอุกเขปนียกรรมเพราะไม่สละทิฏฐิบาป จบ

เตจัตตาฬีสวัตตะ
ว่าด้วยวัตร 43 ข้อ
ในอุกเขปนียกรรมเพราะไม่สละทิฏฐิบาป
[70] ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ถูกสงฆ์ลงอุกเขปนียกรรมเพราะไม่สละทิฏฐิบาป
พึงประพฤติชอบ การประพฤติชอบในเรื่องนั้น ดังนี้
1. ไม่พึงให้อุปสมบท
2. ไม่พึงให้นิสัย
3. ไม่พึงใช้สามเณรอุปัฏฐาก
4. ไม่พึงรับแต่งตั้งเป็นผู้สั่งสอนภิกษุณี
5. แม้ได้รับแต่งตั้งแล้วก็ไม่พึงสั่งสอนภิกษุณี
6. ไม่พึงต้องอาบัติที่เป็นเหตุให้ถูกสงฆ์ลงอุกเขปนียกรรมเพราะไม่สละ
ทิฏฐิบาปนั้นอีก
7. ไม่พึงต้องอาบัติอื่นทำนองเดียวกัน
8. ไม่พึงต้องอาบัติที่เลวทรามกว่านั้น
9. ไม่พึงตำหนิกรรม
10. ไม่พึงตำหนิภิกษุผู้ทำกรรม
ฯลฯ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 6 หน้า :146 }


พระวินัยปิฎก จูฬวรรค [1. กัมมขันธกะ] 7. อุกเขปนียกรรมเพราะไม่สละทิฏฐิบาป
36. ไม่พึงงดอุโบสถแก่ปกตัตตภิกษุ
37. ไม่พึงงดปวารณาแก่ปกตัตตภิกษุ
38. ไม่พึงทำการไต่สวน
39. ไม่พึงเริ่มอนุวาทาธิกรณ์
40. ไม่พึงขอโอกาสภิกษุอื่น
41. ไม่พึงโจทภิกษุอื่น
42. ไม่พึงให้ภิกษุอื่นให้การ
43. ไม่พึงชักชวนกันก่อความทะเลาะ
เตจัตตาฬีสวัตตะ
ในอุกเขปนียกรรมเพราะไม่สละทิฏฐิบาป จบ

สงฆ์ลงโทษและระงับกรรม
[71] ต่อมา สงฆ์ได้ลงอุกเขปนียกรรมเพราะไม่สละทิฏฐิบาปแก่ภิกษุอริฏฐะผู้มี
บรรพบุรุษเป็นพรานฆ่านกแร้ง ห้ามสมโภคกับสงฆ์ ท่านถูกสงฆ์ลงอุกเขปนียกรรม
เพราะไม่สละทิฏฐิบาปจึงสึก
ภิกษุผู้มักน้อย ฯลฯ ตำหนิ ประณาม โพนทะนาว่า “ไฉนภิกษุอริฏฐะผู้มี
บรรพบุรุษเป็นพรานฆ่านกแร้งถูกสงฆ์ลงอุกเขปนียกรรมเพราะไม่สละทิฏฐิบาปจึงสึกเล่า”
แล้วได้นำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ

ทรงประชุมสงฆ์แล้วสอบถาม
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งให้ประชุมสงฆ์เพราะเรื่องนี้เป็นต้นเหตุ ทรง
สอบถามภิกษุทั้งหลายว่า “ภิกษุทั้งหลาย ทราบว่า ภิกษุอริฏฐะผู้มีบรรพบุรุษเป็น
พรานฆ่านกแร้ง ถูกสงฆ์ลงอุกเขปนียกรรมเพราะไม่สละทิฏฐิบาปแล้วสึก จริงหรือ”
ภิกษุทั้งหลายทูลรับว่า “จริง พระพุทธเจ้าข้า”

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 6 หน้า :147 }