พระวินัยปิฎก มหาวรรค [10. โกสัมพิกขันธกะ] 272. ทีฆาวุวัตถุ
ภิกษุทั้งหลาย ครั้งนั้น พระเจ้าทีฆีติโกศลราชทรงมีดำริดังนี้ว่า พระเจ้า
พรหมทัตกาสีราชนี้ได้ก่อสิ่งที่มิใช่ประโยชน์ให้แก่เรามากมาย ได้ช่วงชิงเอากองทหาร
พาหนะ ชนบท คลังอาวุธยุทโธปกรณ์ตลอดถึงคลังพืชพันธุ์ธัญญาหารของพวกเรา
ไป ถ้าท้าวเธอจะทรงสืบทราบถึงพวกเรา จะรับสั่งให้ประหารชีวิตหมดทั้ง 3 คนแน่
อย่ากระนั้นเลย เราควรให้พ่อทีฆาวุกุมารหลบอยู่นอกเมือง แล้วได้ให้ทีฆาวุกุมาร
หลบอยู่นอกเมือง ทีฆาวุกุมารอาศัยอยู่นอกเมืองไม่นานก็ได้ศึกษาศิลปวิทยาจบทุก
สาขา
[460] ภิกษุทั้งหลาย สมัยนั้น ช่างกัลบกของพระเจ้าทีฆีติโกศลราชได้
สวามิภักดิ์อยู่ในสำนักของพระเจ้าพรหมทัตกาสีราช เขาได้เห็นพระเจ้าทีฆีติโกศลราช
พร้อมกับพระมเหสีทรงปลอมแปลงพระองค์มิให้ใครรู้จัก ทรงนุ่งห่มเยี่ยงปริพาชก
ประทับอยู่ในบ้านช่างหม้อซึ่งตั้งอยู่ชายแดนแห่งหนึ่งในกรุงพาราณสี จึงได้เข้าไปเฝ้า
พระเจ้าพรหมทัตกาสีราชแล้วกราบทูลว่า ขอเดชะ พระเจ้าทีฆีติโกศลราชพร้อมด้วย
พระมเหสีทรงปลอมแปลงพระองค์มิให้ใครรู้จัก ทรงนุ่งห่มเยี่ยงปริพาชก ประทับอยู่
ในบ้านช่างหม้อซึ่งตั้งอยู่ชายแดนแห่งหนึ่งในกรุงพาราณสี
ภิกษุทั้งหลาย ลำดับนั้น พระเจ้าพรหมทัตกาสีราชจึงรับสั่งเจ้าพนักงานว่า
พนาย ถ้าอย่างนั้น พวกเจ้าจงไปจับพระเจ้าทีฆีติโกศลราชพร้อมด้วยพระมเหสีมา
พวกเจ้าพนักงานกราบทูลรับสนองพระดำรัส แล้วไปจับพระเจ้าทีฆีติโกศลราช
พร้อมพระมเหสีมาถวาย
พระเจ้าพรหมทัตกาสีราชรับสั่งเจ้าพนักงานว่า พวกเจ้าจงเอาเชือกที่เหนียวแน่น
มัดพระเจ้าทีฆีติโกศลราชพร้อมกับพระมเหสี มัดพระพาหาไพล่หลังให้แน่นกล้อน
พระเกศาแล้วพาตระเวนไปตามถนน ตามตรอกทุกแห่งพร้อมกับตีกลองให้ดัง สนั่น
พาออกไปทางประตูด้านทิศทักษิณแล้วบั่นร่างออกเป็น 4 ท่อนวางเรียงไว้ในหลุมทั้ง
4 ทิศทางด้านทิศทักษิณแห่งเมือง
พระวินัยปิฎก มหาวรรค [10. โกสัมพิกขันธกะ] 272. ทีฆาวุวัตถุ
ภิกษุทั้งหลาย พวกเจ้าพนักงานทูลรับสนองพระราชดำรัสแล้วได้เอาเชือกที่
เหนียวแน่นมัดพระเจ้าทีฆีติพร้อมกับพระมเหสี มัดพระพาหาไพล่หลังให้แน่น กล้อน
พระเกศาแล้วพาตระเวนไปตามถนน ตามตรอกทุกแห่งพร้อมกับตีกลองให้ดังสนั่น
เวลานั้น ทีฆาวุราชกุมารทรงดำริดังนี้ว่า นานแล้วที่เราได้เยี่ยมพระชนกชนนี
อย่ากระนั้นเลย เราควรไปเยี่ยมท่านทั้งสอง จึงเดินทางเข้ากรุงพาราณสี ได้ทอด
พระเนตรเห็นเจ้าพนักงานเอาเชือกอย่างเหนียวมัดพระชนกชนนี มัดพระพาหาไพล่
หลังให้แน่น กล้อนพระเกศาแล้วพาตระเวนไปตามถนนตามตรอกทุกแห่งพร้อมกับ
ตีกลองให้ดังสนั่น จึงเสด็จเข้าไปใกล้พระชนกชนนี
ภิกษุทั้งหลาย พระเจ้าทีฆีติโกศลราชทอดพระเนตรเห็นทีฆาวุกุมารดำเนินมา
แต่ไกลจึงได้ตรัสดังนี้ว่า พ่อทีฆาวุ เจ้าอย่าเห็นแก่ยาว อย่าเห็นแก่สั้น เวรย่อม
ไม่ระงับด้วยการจองเวร แต่ระงับได้ด้วยการไม่จองเวร
เมื่อพระเจ้าทีฆีติโกศลราชตรัสอย่างนี้ พวกเจ้าพนักงานได้กราบทูลดังนี้ว่า
พระเจ้าทีฆีติโกศลราชพระองค์นี้ทรงวิกลจริตจึงบ่นเพ้อ ใครคือทีฆาวุของพระเจ้า
ทีฆีติโกศลราชนี้ พระองค์ตรัสกับใครอย่างนี้ว่า พ่อทีฆาวุ เจ้าอย่าเห็นแก่ยาว
อย่าเห็นแก่สั้น เวรย่อมไม่ระงับด้วยการจองเวร แต่ระงับได้ด้วยการไม่จองเวร
พระเจ้าทีฆีติโกศลราชจึงตรัสตอบว่า เราไม่ได้วิกลจริตบ่นเพ้อ ผู้ใดรู้แจ้ง
ผู้นั้นจะเข้าใจ
ภิกษุทั้งหลาย แม้ครั้งที่ 2 ฯลฯ
แม้ครั้งที่ 3 พระเจ้าทีฆีติโกศลราชได้ตรัสกะทีฆาวุกุมารดังนี้ว่า พ่อทีฆาวุ
เจ้าอย่าเห็นแก่ยาว อย่าเห็นแก่สั้น เวรย่อมไม่ระงับด้วยการจองเวร แต่ระงับได้
ด้วยการไม่จองเวร
ภิกษุทั้งหลาย แม้ครั้งที่ 3 พวกเจ้าพนักงานก็ได้กราบทูลดังนี้ว่า พระเจ้า
ทีฆีติโกศลราชพระองค์นี้ทรงวิกลจริตจึงบ่นเพ้อ ใครคือทีฆาวุของพระเจ้าทีฆีติโกศล
ราชนี้ พระองค์ตรัสกับใครอย่างนี้ว่า พ่อทีฆาวุ เจ้าอย่าเห็นแก่ยาว อย่าเห็นแก่สั้น
เวรย่อมไม่ระงับด้วยการจองเวร แต่ระงับได้ด้วยการไม่จองเวร