เมนู

พระวินัยปิฎก มหาวรรค [9. จัมเปยยขันธกะ] 241. อุปาลิปุจฉากถา
แก่ภิกษุผู้ควรตัสสปาปิยสิกากรรม ... ... ลงอุกเขปนียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรตัสส-
ปาปิยสิกากรรม ... ... ให้ปริวาสแก่ภิกษุผู้ควรตัสสปาปิยสิกากรรม ... ... ให้
สติวินัย แก่ภิกษุผู้ควรตัสสปาปิยสิกากรรม ... ให้อมูฬหวินัยแก่ภิกษุผู้ควรตัสส-
ปาปิยสิกากรรม
ภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล จัดว่าเป็นกรรมไม่ชอบด้วยธรรม เป็นกรรมไม่
ชอบด้วยวินัย อย่างนี้แล สงฆ์ย่อมมีความผิด
ภิกษุทั้งหลาย สงฆ์ผู้พร้อมเพรียงกันทำลง ... ... แก่ภิกษุผู้ควรลงตัชชนียกรรม
... ... แก่ภิกษุผู้ควรนิยสกรรม ... ... แก่ภิกษุผู้ควรปัพพาชนียกรรม ... ... แก่
ภิกษุผู้ควรปฏิสารณียกรรม ... ... แก่ภิกษุผู้ควรอุกเขปนียกรรม ... ... แก่ภิกษุผู้ควร
ปริวาส ... ... แก่ภิกษุผู้ควรชักเข้าหาอาบัติเดิม ... ... แก่ภิกษุผู้ควรมานัต ... ... แก่
ภิกษุผู้ควรอัพภาน ... ... ให้สติวินัยแก่ภิกษุผู้ควรอุปสมบท ... ... ให้อมูฬหวินัย
แก่ภิกษุผู้ควรอุปสมบท ... ... ลงตัสสปาปิยสิกากรรมแก่ภิกษุผู้ควรอุปสมบท ...
... ลงตัชชนียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรอุปสมบท ... ... ลงนิยสกรรมแก่ภิกษุผู้ควรอุปสมบท
... ... ลงปัพพาชนียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรอุปสมบท ... ... ลงปฏิสารณียกรรมแก่
ภิกษุผู้ควรอุปสมบท ... ... ลงอุกเขปนียกรรมแก่ภิกษุผู้ควรอุปสมบท ... ... ให้
ปริวาสแก่ภิกษุผู้ควรอุปสมบท ... ... ชักกุลบุตรผู้ควรอุปสมบทเข้าหาอาบัติเดิม ...
... ให้มานัตแก่ภิกษุผู้ควรอุปสมบท ... ... อัพภานให้แก่ภิกษุผู้ควรอุปสมบท
ภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล จัดว่าเป็นกรรมไม่ชอบด้วยธรรม เป็นกรรมไม่
ชอบด้วยวินัย อย่างนี้แล สงฆ์ย่อมมีความผิด”
อุปาลิปุจฉาภาณวารที่ 2 จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 5 หน้า :296 }


พระวินัยปิฎก มหาวรรค [9. จัมเปยยขันธกะ] 242. ตัชชนียกัมมกถา
242. ตัชชนียกัมมกถา
ว่าด้วยตัชชนียกรรม

เรื่องภิกษุแบ่งพวกโดยไม่ชอบธรรมลงตัชชนียกรรม
[407] ภิกษุทั้งหลาย ก็ในกรณีนี้ ภิกษุก่อความบาดหมาง ก่อความ
ทะเลาะ ก่อความวิวาท ก่อเรื่องอื้อฉาว ก่ออธิกรณ์ในสงฆ์ ถ้าภิกษุทั้งหลายปรึกษา
กันในเรื่องนั้นอย่างนี้ว่า “ท่านทั้งหลาย ภิกษุรูปนี้ก่อความบาดหมาง ก่อความ
ทะเลาะ ก่อความวิวาท ก่อเรื่องอื้อฉาว ก่ออธิกรณ์ในสงฆ์ เอาละ พวกเราจะลง
ตัชชนียกรรมแก่ภิกษุนั้น” แล้วแบ่งพวกโดยไม่ชอบธรรมลงตัชชนียกรรมแก่ภิกษุรูปนั้น
ภิกษุนั้นไปจากอาวาสนั้นสู่อาวาสอื่น
แม้ในอาวาสนั้นพวกภิกษุได้ปรึกษากันอย่างนี้ว่า “ท่านทั้งหลาย ภิกษุรูปนี้
ถูกสงฆ์แบ่งพวกโดยไม่ชอบธรรมลงตัชชนียกรรม เอาละ พวกเราจะลงตัชชนียกรรม
แก่ภิกษุนั้น” แล้วได้พร้อมเพรียงกันโดยไม่ชอบธรรมลงตัชชนียกรรมแก่ภิกษุรูปนั้น
ภิกษุนั้นไปจากอาวาสนั้นสู่อาวาสอื่น
แม้ในอาวาสนั้นพวกภิกษุได้ปรึกษากันอย่างนี้ว่า “ท่านทั้งหลาย ภิกษุรูปนี้
ถูกสงฆ์พร้อมเพรียงกันโดยไม่ชอบธรรมลงตัชชนียกรรม เอาละ พวกเราจะลงตัชชนีย
กรรมแก่ภิกษุนั้น” แล้วแบ่งพวกโดยชอบธรรมลงตัชชนียกรรมแก่ภิกษุรูปนั้น ภิกษุนั้น
ไปจากอาวาสนั้นสู่อาวาสอื่น
แม้ในอาวาสนั้นพวกภิกษุได้ปรึกษากันอย่างนี้ว่า “ท่านทั้งหลาย ภิกษุรูปนี้
ถูกสงฆ์แบ่งพวกโดยชอบธรรมลงตัชชนียกรรม เอาละ พวกเราจะลงตัชชนียกรรม
แก่ภิกษุนั้น” แล้วได้แบ่งพวกโดยธรรมปฏิรูปลงตัชชนียกรรมแก่ภิกษุรูปนั้น ภิกษุ
นั้นไปจากอาวาสนั้นสู่อาวาสอื่น
แม้ในอาวาสนั้นพวกภิกษุได้ปรึกษากันอย่างนี้ว่า “ท่านทั้งหลาย ภิกษุรูปนี้ถูก
สงฆ์แบ่งพวกโดยธรรมปฏิรูปลงตัชชนียกรรม เอาละ พวกเราจะลงตัชชนียกรรมแก่
ภิกษุนั้น” แล้วได้พร้อมเพรียงกันโดยธรรมปฏิรูปลงตัชชนียกรรมแก่ภิกษุรูปนั้น

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 5 หน้า :297 }