พระวินัยปิฎก มหาวรรค [1.มหาขันธกะ] 12.อุรุเวลปาฎิหาริยกถา
ส่วนพญานาคทนการลบหลู่ไม่ไหว จึงพ่นไฟราวกับไฟไหม้ป่าสู้
ฝ่ายพระผู้มีพระภาคทรงเป็นมนุสสนาคะทรงฉลาดในเตโชกสิณ
ทรงโพลงไฟสู้บ้าง
เมื่อทั้งสองฝ่ายโพลงไฟขึ้น เรือนไฟก็ลุกโพลง
โชติช่วงดุจทะเลเพลิง พวกชฎิลกล่าวกันว่า
แน่ะผู้เจริญ มหาสมณะรูปงามคงจะถูกพญานาค
ทำร้ายเป็นแน่
ครั้นราตรีนั้นผ่านไป เปลวไฟของพญานาคถูกทำลาย
ส่วนเปลวไฟหลากสีของพระผู้มีพระภาคผู้ทรงฤทธิ์ยังอยู่
พระรัศมีหลากสี คือ สีเขียว สีแดง สีแสด สีเหลือง
สีแก้วผลึก ปรากฏที่พระกายของพระอังคีรส
พระผู้มีพระภาค ทรงจับพญานาคขดลงในบาตรแล้ว
ทรงแสดงแก่ชฎิลอุรุเวลกัสสปะว่า ท่านกัสสปะ นี่พญานาค
ของท่าน เราครอบงำเดชของมันด้วยเดชของเราได้แล้ว
ขณะนั้น ชฎิลอุรุเวลกัสสปะเลื่อมใสในอิทธิปาฏิหาริย์นี้ของพระผู้มีพระภาค
ยิ่งนักแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า ข้าแต่มหาสมณะ โปรดประทับอยู่ที่
นี่แหละ ข้าพเจ้าจักบำรุงพระองค์ด้วยภัตตาหารประจำ
ปาฏิหาริย์ที่ 1 จบ
ปาฏิหาริย์ที่ 2
เรื่องท้าวมหาราชทั้ง 4
[40] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ไพรสณฑ์แห่งหนึ่ง ไม่ไกลจาก
อาศรมของชฎิลอุรุเวลกัสสปะ