เมนู

พระวินัยปิฎก ภิกขุนีวิภังค์ [2. สังฆาทิเลสกัณฑ์] สังฆาทิเลสสิกขาบทที่ 7 พระบัญญัติ
จริงหรือ” พวกภิกษุทูลรับว่า “จริง พระพุทธเจ้าข้า” พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้า
ทรงตำหนิว่า “ฯลฯ ภิกษุทั้งหลาย ไฉนภิกษุณีจัณฑกาลีโกรธ ไม่พอใจ จึงพูด
อย่างนี้ว่า ‘ข้าพเจ้าขอบอกลาพระพุทธ ขอบอกลาพระธรรม ขอบอกลาพระสงฆ์
ขอบอกลาสิกขา สมณะหญิงจะมีแต่สมณศากยธิดาเหล่านี้กระนั้นหรือ แม้สมณะ
หญิงเหล่าอื่นที่ประพฤติดี มีความละอาย มีความระมัดระวัง ใฝ่การศึกษาก็มีอยู่
เราจะไปประพฤติพรหมจรรย์ในสำนักสมณะหญิงเหล่านั้น’ดังนี้เล่า ภิกษุทั้งหลาย
การกระทำอย่างนี้ มิได้ทำคนที่ยังไม่เลื่อมใสให้เลื่อมใส หรือทำคนที่เลื่อมใสอยู่แล้ว
ให้เลื่อมใสยิ่งขึ้นได้เลย ฯลฯ” แล้วจึงรับสั่งให้ภิกษุณีทั้งหลายยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงดังนี้

พระบัญญัติ
[710] ก็ภิกษุณีใดโกรธ ไม่พอใจ กล่าวอย่างนี้ว่า “ดิฉันขอบอกลา
พระพุทธ ขอบอกลาพระธรรม ขอบอกลาพระสงฆ์ ขอบอกลาสิกขา สมณะ
หญิงจะมีแต่สมณศากยธิดาเหล่านั้นกระนั้นหรือ แม้สมณะหญิงเหล่าอื่นผู้มี
ความละอาย มีความระมัดระวัง ใฝ่การศึกษาก็ยังมีอยู่ เราจะไปประพฤติ
พรหมจรรย์ในสำนักของสมณะหญิงเหล่านั้น” ภิกษุณีนั้นอันภิกษุณีทั้งหลายพึง
ว่ากล่าวตักเตือนอย่างนี้ว่า “แม่เจ้า ท่านโกรธ ไม่พอใจ ก็อย่าได้กล่าวอย่างนี้ว่า
‘ดิฉันขอบอกลาพระพุทธ ขอบอกลาพระธรรม ขอบอกลาพระสงฆ์ ขอบอกลา
สิกขา สมณะหญิงจะมีแต่สมณศากยธิดากระนั้นหรือ แม้สมณะหญิงเหล่าอื่นผู้
มีความละอาย มีความระมัดระวัง ใฝ่การศึกษาก็มีอยู่ เราจะไปประพฤติ
พรหมจรรย์ในสำนักของสมณะหญิงเหล่านั้น’ ดังนี้ แม่เจ้า ท่านจงยินดีเถิด
พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคตรัสไว้ดีแล้ว จงประพฤติพรหมจรรย์เพื่อทำที่สุด
ทุกข์โดยชอบเถิด” ภิกษุณีนั้นอันภิกษุณีทั้งหลายว่ากล่าวตักเตือนอยู่อย่างนี้ ก็
ยังยืนยันอยู่อย่างนั้น ภิกษุณีนั้นอันภิกษุณีทั้งหลายพึงสวดสมนุภาสน์จนครบ
3 ครั้งเพื่อให้สละเรื่องนั้น ถ้าเธอกำลังถูกสวดสมนุภาสน์กว่าจะครบ 3 ครั้ง
สละเรื่องนั้นได้ นั่นเป็นการดี ถ้าไม่สละ แม้ภิกษุณีนี้ต้องธรรมคือสังฆาทิเสส
ที่ชื่อว่ายาวตติยกะ นิสสารณียะ

เรื่องภิกษุณีจัณฑกาลี จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 3 หน้า :53 }