พระวินัยปิฎก ภิกขุนีวิภังค์ [4. ปาจิตติยกัณฑ์] 9. ฉัตตุปาหนวรรค สิกขาบทที่ 12 อนาปัตติวาร
อนาปัตติวาร
ภิกษุณีต่อไปนี้ไม่ต้องอาบัติ คือ
[1223] 1. ภิกษุณีขอโอกาสแล้วจึงถาม
2. ภิกษุณีขอโอกาสโดยมิได้เจาะจงแล้วจึงถามในปิฎกใดปิฎกหนึ่ง
3. ภิกษุณีวิกลจริต
4. ภิกษุณีต้นบัญญัติ
สิกขาบทที่ 12 จบ
พระวินัยปิฎก ภิกขุนีวิภังค์ [4. ปาจิตติยกัณฑ์] 9. ฉัตตุปาหนวรรค สิกขาบทที่ 13 นิทานวัตถุ
9. ฉัตตุปาหนวรรค
สิกขาบทที่ 13
ว่าด้วยการเข้าหมู่บ้านโดยไม่มีผ้ารัดถัน
เรื่องภิกษุณีรูปหนึ่ง
[1224] สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม
ของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตกรุงสาวัตถี สมัยนั้น ภิกษุณีรูปหนึ่งไม่มีผ้ารัดถัน
เข้าไปบิณฑบาตในหมู่บ้าน ขณะที่เธอเดินอยู่บนถนนลมบ้าหมูพัดเปิดสังฆาฏิเวิกขึ้น
คนทั้งหลายส่งเสียงว่า ถันและท้องของแม่เจ้าสวยจริง ภิกษุณีนั้นถูกคนทั้งหลาย
เยาะเย้าจึงเก้อเขิน ครั้นเธอไปถึงที่อยู่จึงบอกเรื่องนั้นให้ภิกษุณีทั้งหลายทราบ
บรรดาภิกษุณีผู้มักน้อย ฯลฯ พากันตำหนิ ประณาม โพนทะนาว่า ไฉน
ภิกษุณีไม่มีผ้ารัดถันจึงเข้าไปหมู่บ้านเล่า ครั้นแล้ว ภิกษุณีเหล่านั้นได้นำเรื่องนี้ไป
บอกภิกษุทั้งหลายให้ทราบ พวกภิกษุได้นำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้
ทรงทราบ
ทรงประชุมสงฆ์บัญญัติสิกขาบท
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งให้ประชุมสงฆ์เพราะเรื่องนี้เป็นต้นเหตุ ทรง
สอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ภิกษุทั้งหลาย ทราบว่า ภิกษุณีไม่มีผ้ารัดถันเข้าไป
หมู่บ้าน จริงหรือ ภิกษุทั้งหลายทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า พระผู้มีพระ
ภาคพุทธเจ้า ทรงตำหนิว่า ฯลฯ ภิกษุทั้งหลาย ไฉนภิกษุณีไม่มีผ้ารัดถันจึง
เข้าไปหมู่บ้านเล่า ภิกษุทั้งหลาย การกระทำอย่างนี้ มิได้ทำคนที่ยังไม่เลื่อมใสให้
เลื่อมใส หรือทำคนที่เลื่อมใสอยู่แล้วให้เลื่อมใสยิ่งขึ้นได้เลย ฯลฯ แล้วจึงรับสั่ง
ให้ภิกษุณีทั้งหลายยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงดังนี้
พระบัญญัติ
[1225] ก็ภิกษุณีใดไม่มีผ้ารัดถันเข้าหมู่บ้าน ต้องอาบัติปาจิตตีย์
เรื่องภิกษุณีรูปหนึ่ง จบ