เมนู

พระวินัยปิฎก ภิกขุนีวิภังค์ [4. ปาจิตติยกัณฑ์] 8. กุมารีภูตวรรค สิกขาบทที่ 1 สิกขาบทวิภังค์
เป็นทุกข์ แสนสาหัส รุนแรง เผ็ดร้อน ที่ไม่น่ายินดี ไม่น่าพอใจ แทบจะคร่าชีวิต
ส่วนหญิงสาวที่มีอายุครบ 20 ปีย่อมอดทนต่อความเย็น ความร้อน ฯลฯ แทบ
จะคร่าชีวิต ภิกษุทั้งหลาย การกระทำอย่างนี้ มิได้ทำคนที่ยังไม่เลื่อมใสให้เลื่อมใส
หรือทำคนที่เลื่อมใสอยู่แล้วให้เลื่อมใสยิ่งขึ้นได้เลย ฯลฯ” แล้วจึงรับสั่งให้ภิกษุณี
ทั้งหลายยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงดังนี้

พระบัญญัติ
[1120] ก็ภิกษุณีใดบวชให้กุมารีมีอายุต่ำกว่า 20 ปี ต้องอาบัติปาจิตตีย์
เรื่องภิกษุณีหลายรูป จบ

สิกขาบทวิภังค์
[1121] คำว่า ก็ ... ใด คือ ผู้ใด ผู้เช่นใด ฯลฯ นี้ที่พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ก็ ... ใด
คำว่า ภิกษุณี มีอธิบายว่า ชื่อว่าภิกษุณี เพราะเป็นผู้ขอ ฯลฯ นี้ที่พระ
ผู้มีพระภาคทรงประสงค์เอาว่า ภิกษุณี ในความหมายนี้
ที่ชื่อว่า มีอายุต่ำกว่า 20 ปี คือ มีอายุยังไม่ถึง 20 ปี
ที่ชื่อว่า กุมารี พระผู้มีพระภาคตรัสหมายถึงสามเณรี
คำว่า บวชให้ คือ อุปสมบทให้
ภิกษุณีตั้งใจว่า “จะบวชให้” แล้วแสวงหาคณะ อาจารย์ บาตรหรือจีวร
หรือสมมติสีมา ต้องอาบัติปาจิตตีย์ จบญัตติ ต้องอาบัติทุกกฏ จบกรรมวาจา 2
ครั้ง ต้องอาบัติทุกกฏ 2 ตัว จบกรรมวาจาครั้งสุดท้าย ภิกษุณีผู้เป็นอุปัชฌาย์
ต้องอาบัติปาจิตตีย์ คณะและอาจารย์ ต้องอาบัติทุกกฏ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 3 หน้า :323 }


พระวินัยปิฎก ภิกขุนีวิภังค์ [4. ปาจิตติยกัณฑ์] 8. กุมารีภูตวรรค สิกขาบทที่ 1 อนาปัตติวาร
บทภาชนีย์
[1122] กุมารีอายุต่ำกว่า 20 ปี ภิกษุณีสำคัญว่าอายุต่ำ 20 ปี บวชให้
ต้องอาบัติปาจิตตีย์
กุมารีอายุต่ำกว่า 20 ปี ภิกษุณีไม่แน่ใจ บวชให้ ต้องอาบัติทุกกฏ
กุมารีอายุต่ำกว่า 20 ปี ภิกษุณีสำคัญว่าครบ บวชให้ ไม่ต้องอาบัติ
กุมารีอายุครบ 20 ปี ภิกษุณีสำคัญว่าอายุต่ำกว่า 20 ปี บวชให้ ต้อง
อาบัติทุกกฏ
กุมารีอายุครบ 20 ปี ภิกษุณีไม่แน่ใจ บวชให้ ต้องอาบัติทุกกฏ
กุมารีอายุครบ 20 ปี ภิกษุสำคัญว่าอายุครบ 20 ปี บวชให้ ไม่ต้องอาบัติ

อนาปัตติวาร
ภิกษุณีต่อไปนี้ไม่ต้องอาบัติ คือ
[1123] 1. กุมารีอายุต่ำกว่า 20 ปี ภิกษุณีสำคัญว่าอายุครบ 20 ปี
จึงบวชให้
2. กุมารีอายุครบ 20 ปี ภิกษุณีสำคัญว่าอายุครบ 20 ปี
จึงบวชให้
3. ภิกษุณีวิกลจริต
4. ภิกษุณีต้นบัญญัติ

สิกขาบทที่ 1 จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 3 หน้า :324 }