เมนู

พระวินัยปิฎก ภิกขุนีวิภังค์ [4. ปาจิตติยกัณฑ์] 7. คัพภินีวรรค สิกขาบทที่ 7 นิทานวัตถุ
่ได้สมมติเล่า ภิกษุทั้งหลาย การกระทำอย่างนี้ มิได้ทำคนที่ยังไม่เลื่อมใสให้เลื่อมใส
หรือทำคนที่เลื่อมใสอยู่แล้วให้เลื่อมใสยิ่งขึ้นได้เลย ฯลฯ” ครั้นทรงตำหนิแล้ว ทรง
แสดงธรรมีกถาแล้วรับสั่งกับภิกษุทั้งหลายว่า “ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ภิกษุณีสงฆ์
ให้วุฏฐานสมมติแก่หญิงที่มีครอบครัวมีอายุ 12 ปีผู้ได้ศึกษาสิกขาในธรรม 6 ข้อ
ตลอด 2 ปีแล้ว
ภิกษุทั้งหลาย สงฆ์พึงให้วุฏฐานสมมติอย่างนี้

วิธีขอสิกขาสมมติและกรรมวาจาให้วุฏฐานสมมติ
หญิงที่มีครอบครัวมีอายุครบ 12 ปีผู้ศึกษาสิกขาในธรรม 6 ข้อตลอด 2 ปี
แล้วนั้นพึงเข้าไปหาสงฆ์ ห่มอุตตราสงค์เฉวียงบ่าข้างหนึ่ง กราบเท้าภิกษุณีทั้งหลาย
นั่งกระโหย่งประนมมือ กล่าวว่า “แม่เจ้า ดิฉันชื่อนี้เป็นหญิงที่มีครอบครัวของ
แม่เจ้าชื่อนี้ มีอายุครบ 12 ปี ได้ศึกษาสิกขาในธรรม 6 ข้อตลอด 2 ปีแล้ว ขอ
วุฏฐานสมมติต่อสงฆ์”
พึงขอแม้ครั้งที่ 2 พึงขอแม้ครั้งที่ 3
ภิกษุณีผู้ฉลาดสามารถพึงประกาศให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติทุติยกรรมวาจาว่า
[1102] “แม่เจ้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า หญิงชื่อนี้เป็นหญิงที่มีครอบครัวของ
แม่เจ้าชื่อนี้ มีอายุครบ 12 ปี ได้ศึกษาสิกขาในธรรม 6 ข้อตลอด 2 ปีแล้ว ขอ
วุฏฐานสมมติต่อสงฆ์ ถ้าสงฆ์พร้อมกันแล้วพึงให้วุฏฐานสมมติแก่หญิงชื่อนี้เป็น
หญิงที่มีครอบครัวมีอายุครบ 12 ปีผู้ได้ศึกษาสิกขาในธรรม 6 ข้อตลอด 2 ปีแล้ว
นี่เป็นญัตติ
แม่เจ้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า หญิงชื่อนี้เป็นหญิงที่มีครอบครัวของแม่เจ้าชื่อนี้
มีอายุครบ 12 ปี ได้ศึกษาสิกขาในธรรม 6 ข้อตลอด 2 ปีแล้ว ขอวุฏฐานสมมติ
ต่อสงฆ์ สงฆ์ให้วุฏฐานสมมติแก่หญิงชื่อนี้เป็นหญิงที่มีครอบครัวมีอายุครบ 12 ปี
ผู้ได้ศึกษาสิกขาในธรรม 6 ข้อตลอด 2 ปีแล้ว แม่เจ้ารูปใดเห็นด้วยกับการให้
วุฏฐานสมมติแก่หญิงชื่อนี้เป็นหญิงที่มีครอบครัวมีอายุครบ 12 ปีผู้ได้ศึกษาสิกขา
ในธรรม 6 ข้อตลอด 2 ปี แม่เจ้ารูปนั้นพึงนิ่ง แม่เจ้ารูปใดไม่เห็นด้วย แม่เจ้า
รูปนั้นพึงทักท้วง

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 3 หน้า :313 }


พระวินัยปิฎก ภิกขุนีวิภังค์ [4. ปาจิตติยกัณฑ์] 7. คัพภินีวรรค สิกขาบทที่ 7 สิกขาบทวิภังค์
วุฏฐานสมมติสงฆ์ให้แก่หญิงชื่อนี้เป็นหญิงที่มีครอบครัวมีอายุครบ 12 ปีผู้
ได้ศึกษาสิกขาในธรรม 6 ข้อตลอด 2 ปี สงฆ์เห็นด้วย เพราะฉะนั้นจึงนิ่ง
ข้าพเจ้าขอถือความนิ่งนั้นเป็นมติอย่างนี้”
พระผู้มีพระภาคครั้นทรงตำหนิภิกษุณีเหล่านั้นโดยประการต่าง ๆ แล้วตรัส
โทษแห่งความเป็นผู้เลี้ยงยาก ฯลฯ แล้วรับสั่งให้ภิกษุณีทั้งหลายยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงดังนี้

พระบัญญัติ
[1103] ก็ภิกษุณีใดบวชให้หญิงที่มีครอบครัวมีอายุครบ 12 ปีผู้ได้ศึกษา
สิกขาในธรรม 6 ข้อตลอด 2 ปีแต่สงฆ์ยังไม่ได้สมมติ ต้องอาบัติปาจิตตีย์
เรื่องภิกษุณีหลายรูป จบ

สิกขาบทวิภังค์
[1104] คำว่า ก็ ... ใด คือ ผู้ใด ผู้เช่นใด ฯลฯ นี้ที่พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ก็ ... ใด
คำว่า ภิกษุณี มีอธิบายว่า ชื่อว่าภิกษุณี เพราะเป็นผู้ขอ ฯลฯ นี้ที่พระผู้มี
พระภาคทรงประสงค์เอาว่า ภิกษุณี ในความหมายนี้
ที่ชื่อว่า มีอายุครบ 12 ปี คือ มีอายุถึง 12 ปีแล้ว
ที่ชื่อว่า หญิงที่มีครอบครัว พระผู้มีพระภาคตรัสหมายถึงหญิงที่เคยอยู่ร่วม
กับชาย
คำว่า ตลอด 2 ปี คือ สิ้น 2 ปี
ที่ชื่อว่า ผู้ศึกษาสิกขา คือ ได้ศึกษาในธรรม 6 ข้อแล้ว
ที่ชื่อว่า ยังไม่ได้สมมติ คือ สงฆ์ยังมิได้ให้การรับรองการบวชด้วยญัตติ
ทุติยกรรม
คำว่า บวชให้ คือ อุปสมบทให้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 3 หน้า :314 }