เมนู

พระวินัยปิฎก ภิกขุนีวิภังค์ [4. ปาจิตติยกัณฑ์] 7. คัพภินีวรรค สิกขาบทที่ 7 นิทานวัตถุ
7. คัพภินีวรรค

สิกขาบทที่ 7
ว่าด้วยการบวชให้หญิงที่มีครอบครัวซึ่งสงฆ์ยังไม่ได้สมมติ

เรื่องภิกษุณีหลายรูป
[1101] สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม
ของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตกรุงสาวัตถี ครั้งนั้น ภิกษุณีบวชให้หญิงที่มีครอบครัว
มีอายุครบ 12 ปีผู้ศึกษาสิกขาในธรรม 6 ข้อตลอด 2 ปีแต่สงฆ์ยังไม่ได้สมมติ
ภิกษุณีทั้งหลายกล่าวว่า “สิกขมานาทั้งหลาย พวกเธอจงมานี่ จงรู้สิ่งนี้ ประเคนสิ่งนี้
นำสิ่งนี้มา ฉันต้องการสิ่งนี้ จงทำสิ่งนี้ให้เป็นกัปปิยะ”
สิกขมานาเหล่านั้นตอบว่า “แม่เจ้า พวกดิฉันมิใช่สิกขมานา พวกดิฉันเป็น
ภิกษุณี”
บรรดาภิกษุณีผู้มักน้อย ฯลฯ พากันตำหนิ ประณาม โพนทะนาว่า “ไฉน
พวกภิกษุณีบวชให้หญิงที่มีครอบครัวมีอายุครบ 12 ปีผู้ศึกษาสิกขาในธรรม 6
ข้อตลอด 2 ปีแต่สงฆ์ยังไม่ได้สมมติเล่า” ครั้นแล้ว ภิกษุณีเหล่านั้นได้นำเรื่องนี้ไป
บอกภิกษุทั้งหลายให้ทราบ พวกภิกษุได้นำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้
ทรงทราบ

ทรงประชุมสงฆ์บัญญัติสิกขาบท
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งให้ประชุมสงฆ์เพราะเรื่องนี้เป็นต้นเหตุ ทรง
สอบถามภิกษุทั้งหลายว่า “ภิกษุทั้งหลาย ทราบว่า พวกภิกษุณีบวชให้หญิงที่มี
ครอบครัว มีอายุครบ 12 ปีผู้ศึกษาสิกขาในธรรม 6 ข้อตลอด 2 ปีแต่สงฆ์ยังไม่
่ได้สมมติ จริงหรือ” ภิกษุทั้งหลายทูลรับว่า “จริง พระพุทธเจ้าข้า” พระผู้มีพระ
ภาคพุทธเจ้าทรงตำหนิว่า “ฯลฯ ภิกษุทั้งหลาย ไฉนพวกภิกษุณีจึงบวชให้หญิงที่
มีครอบครัวมีอายุครบ 12 ปีผู้ศึกษาสิกขาในธรรม 6 ข้อ ตลอด2 ปีแต่สงฆ์ยังไม่


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 3 หน้า :312 }


พระวินัยปิฎก ภิกขุนีวิภังค์ [4. ปาจิตติยกัณฑ์] 7. คัพภินีวรรค สิกขาบทที่ 7 นิทานวัตถุ
่ได้สมมติเล่า ภิกษุทั้งหลาย การกระทำอย่างนี้ มิได้ทำคนที่ยังไม่เลื่อมใสให้เลื่อมใส
หรือทำคนที่เลื่อมใสอยู่แล้วให้เลื่อมใสยิ่งขึ้นได้เลย ฯลฯ” ครั้นทรงตำหนิแล้ว ทรง
แสดงธรรมีกถาแล้วรับสั่งกับภิกษุทั้งหลายว่า “ภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ภิกษุณีสงฆ์
ให้วุฏฐานสมมติแก่หญิงที่มีครอบครัวมีอายุ 12 ปีผู้ได้ศึกษาสิกขาในธรรม 6 ข้อ
ตลอด 2 ปีแล้ว
ภิกษุทั้งหลาย สงฆ์พึงให้วุฏฐานสมมติอย่างนี้

วิธีขอสิกขาสมมติและกรรมวาจาให้วุฏฐานสมมติ
หญิงที่มีครอบครัวมีอายุครบ 12 ปีผู้ศึกษาสิกขาในธรรม 6 ข้อตลอด 2 ปี
แล้วนั้นพึงเข้าไปหาสงฆ์ ห่มอุตตราสงค์เฉวียงบ่าข้างหนึ่ง กราบเท้าภิกษุณีทั้งหลาย
นั่งกระโหย่งประนมมือ กล่าวว่า “แม่เจ้า ดิฉันชื่อนี้เป็นหญิงที่มีครอบครัวของ
แม่เจ้าชื่อนี้ มีอายุครบ 12 ปี ได้ศึกษาสิกขาในธรรม 6 ข้อตลอด 2 ปีแล้ว ขอ
วุฏฐานสมมติต่อสงฆ์”
พึงขอแม้ครั้งที่ 2 พึงขอแม้ครั้งที่ 3
ภิกษุณีผู้ฉลาดสามารถพึงประกาศให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติทุติยกรรมวาจาว่า
[1102] “แม่เจ้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า หญิงชื่อนี้เป็นหญิงที่มีครอบครัวของ
แม่เจ้าชื่อนี้ มีอายุครบ 12 ปี ได้ศึกษาสิกขาในธรรม 6 ข้อตลอด 2 ปีแล้ว ขอ
วุฏฐานสมมติต่อสงฆ์ ถ้าสงฆ์พร้อมกันแล้วพึงให้วุฏฐานสมมติแก่หญิงชื่อนี้เป็น
หญิงที่มีครอบครัวมีอายุครบ 12 ปีผู้ได้ศึกษาสิกขาในธรรม 6 ข้อตลอด 2 ปีแล้ว
นี่เป็นญัตติ
แม่เจ้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า หญิงชื่อนี้เป็นหญิงที่มีครอบครัวของแม่เจ้าชื่อนี้
มีอายุครบ 12 ปี ได้ศึกษาสิกขาในธรรม 6 ข้อตลอด 2 ปีแล้ว ขอวุฏฐานสมมติ
ต่อสงฆ์ สงฆ์ให้วุฏฐานสมมติแก่หญิงชื่อนี้เป็นหญิงที่มีครอบครัวมีอายุครบ 12 ปี
ผู้ได้ศึกษาสิกขาในธรรม 6 ข้อตลอด 2 ปีแล้ว แม่เจ้ารูปใดเห็นด้วยกับการให้
วุฏฐานสมมติแก่หญิงชื่อนี้เป็นหญิงที่มีครอบครัวมีอายุครบ 12 ปีผู้ได้ศึกษาสิกขา
ในธรรม 6 ข้อตลอด 2 ปี แม่เจ้ารูปนั้นพึงนิ่ง แม่เจ้ารูปใดไม่เห็นด้วย แม่เจ้า
รูปนั้นพึงทักท้วง

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 3 หน้า :313 }