เมนู

พระวินัยปิฎก ภิกขุนีวิภังค์ [4. ปาจิตติยกัณฑ์] 7. คัพภินีวรรค สิกขาบทที่ 4 นิทานวัตถุ
7. คัพภินีวรรค

สิกขาบทที่ 4
ว่าด้วยการบวชให้สิกขมานาที่สงฆ์ยังไม่ได้สมมติ

เรื่องภิกษุณีหลายรูป
[1084] สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม
ของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตกรุงสาวัตถี ครั้งนั้น ภิกษุณีทั้งหลายบวชให้สิกขมานา
ผู้ศึกษาสิกขาในธรรม 6 ข้อตลอด 2 ปี แต่สงฆ์ยังไม่ได้สมมติ ภิกษุณีทั้งหลายกล่าว
อย่างนี้ว่า “สิกขมานาทั้งหลาย พวกเธอจงมานี่ จงรู้สิ่งนี้ ประเคนสิ่งนี้ นำสิ่งนี้มา
ฉันต้องการสิ่งนี้ จงทำสิ่งนี้ให้เป็นกัปปิยะ”
สิกขมานาเหล่านั้นตอบว่า “แม่เจ้า พวกดิฉันไม่ใช่สิกขมานา พวกดิฉันเป็น
ภิกษุณี”
บรรดาภิกษุณีผู้มักน้อย ฯลฯ พากันตำหนิ ประณาม โพนทะนาว่า “ไฉน
พวกภิกษุณีจึงบวชให้สิกขมานาผู้ศึกษาสิกขาในธรรม 6 ข้อตลอด 2 ปี แต่สงฆ์ยัง
ไม่ได้สมมติเล่า” ครั้นแล้ว ภิกษุณีเหล่านั้นได้นำเรื่องนี้ไปบอกภิกษุทั้งหลายให้ทราบ
พวกภิกษุได้นำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาคให้ทรงทราบ

ทรงประชุมบัญญัติสิกขาบท
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งให้ประชุมสงฆ์เพราะเรื่องนี้เป็นต้นเหตุ ทรง
สอบถามภิกษุทั้งหลายว่า “ภิกษุทั้งหลาย ทราบว่า พวกภิกษุณีทั้งหลายบวชให้
สิกขมานาผู้ศึกษาสิกขาในธรรม 6 ข้อตลอด 2 ปีแต่สงฆ์ยังไม่ได้สมมติ จริงหรือ”
ภิกษุทั้งหลายทูลรับว่า “จริง พระพุทธเจ้าข้า” พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงตำหนิว่า
“ฯลฯ ภิกษุทั้งหลาย ไฉนพวกภิกษุณีจึงบวชให้สิกขมานาผู้ศึกษาสิกขาในธรรม 6
ข้อตลอด 2 ปีแต่สงฆ์ยังไม่ได้สมมติเล่า ภิกษุทั้งหลาย การกระทำอย่างนี้ มิได้ทำ
คนที่ยังไม่เลื่อมใสให้เลื่อมใส หรือทำคนที่เลื่อมใสอยู่แล้วให้เลื่อมใสยิ่งขึ้นได้เลย ฯลฯ”


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 3 หน้า :301 }


พระวินัยปิฎก ภิกขุนีวิภังค์ [4. ปาจิตติยกัณฑ์] 7. คัพภินีวรรค สิกขาบทที่ 4 นิทานวัตถุ
ครั้นทรงตำหนิแล้ว ทรงแสดงธรรมีกถา แล้วรับสั่งกับภิกษุทั้งหลายว่า “ภิกษุ
ทั้งหลาย เราอนุญาตให้ภิกษุณีสงฆ์ให้วุฏฐานสมมติแก่สิกขมานาผู้ได้ศึกษาสิกขา
ในธรรม 6 ข้อตลอด 2 ปีแล้ว
ภิกษุทั้งหลาย สงฆ์พึงให้วุฏฐานสมมติ1 อย่างนี้

วิธีขอวุฏฐานสมมติและกรรมวาจาให้วุฏฐานสมมติ
สิกขมานาผู้ได้ศึกษาสิกขาในธรรม 6 ข้อตลอด 2 ปีแล้วนั้นพึงเข้าไปหาสงฆ์
ห่มอุตตราสงค์เฉวียงบ่าข้างหนึ่ง กราบเท้าภิกษุณีทั้งหลาย นั่งกระโหย่ง ประนมมือ
กล่าวอย่างนี้ว่า “แม่เจ้า ดิฉันชื่อนี้เป็นสิกขมานาของแม่เจ้าชื่อนี้ ได้ศึกษาสิกขา
ในธรรม 6 ข้อตลอด 2 ปีแล้ว ขอวุฏฐานสมมติต่อสงฆ์”
พึงขอแม้ครั้งที่ 2 พึงขอแม้ครั้งที่ 3
ภิกษุณีผู้ฉลาดสามารถพึงประกาศให้สงฆ์ทราบด้วยญัตติทุติยกรรมวาจาว่า
[1085] “แม่เจ้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า สิกขมานาชื่อนี้ของแม่เจ้าชื่อนี้ได้
ศึกษาสิกขาในธรรม 6 ข้อตลอด 2 ปีแล้ว ขอวุฏฐานสมมติต่อสงฆ์ ถ้าสงฆ์พร้อม
กันแล้วก็พึงให้วุฏฐานสมมติแก่สิกขมานาชื่อนี้ผู้ได้ศึกษาสิกขาในธรรม 6 ข้อตลอด
2 ปีแล้ว นี่เป็นญัตติ
แม่เจ้า ขอสงฆ์จงฟังข้าพเจ้า สิกขมานาชื่อนี้ของแม่เจ้าชื่อนี้ได้ศึกษาสิกขา
ในธรรม 6 ข้อตลอด 2 ปีแล้ว ขอวุฏฐานสมมติต่อสงฆ์ สงฆ์ให้วุฏฐานสมมติแก่
สิกขมานาชื่อนี้ผู้ได้ศึกษาสิกขาในธรรม 6 ข้อตลอด 2 ปีแล้ว แม่เจ้ารูปใดเห็นด้วย
กับการให้วุฏฐานสมมติแก่สิกขมานาชื่อนี้ผู้ได้ศึกษาสิกขาในธรรม 6 ข้อตลอด 2 ปี
แล้ว แม่เจ้ารูปนั้นพึงนิ่ง แม่เจ้ารูปใดไม่เห็นด้วย แม่เจ้ารูปนั้นพึงทักท้วง

เชิงอรรถ :
1 วุฏฐานสมมติ แปลว่า สมมติการบวช หมายถึงการรับรองให้บวชได้ กรรมชนิดนี้ ภิกษุณีสงฆ์จะให้แก่
สิกขมานาผู้ศึกษาประพฤติตามธรรม 6 ข้อ ครบ 2 ปี วุฏฐานสมมติถือเป็นประกาศนียบัตรรับรองให้
บวชเป็นภิกษุณีได้

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 3 หน้า :302 }