พระวินัยปิฎก ภิกขุนีวิภังค์ [4. ปาจิตติยกัณฑ์] 1.ลสุณวรรค สิกขาบทที่ 2 อนาปัตติวาร
สิกขาบทวิภังค์
[800] คำว่า ก็ ... ใด คือ ผู้ใด ผู้เช่นใด ฯลฯ นี้ที่พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ก็ ... ใด
คำว่า ภิกษุณี มีอธิบายว่า ชื่อว่าภิกษุณี เพราะเป็นผู้ขอ ฯลฯ นี้ที่พระผู้มี
พระภาคทรงประสงค์เอาว่า ภิกษุณี ในความหมายนี้
ที่ชื่อว่า ที่แคบ คือ รักแร้ทั้ง 2 ข้าง บริเวณองค์กำเนิด
คำว่า ให้ถอน คือ ให้ถอนขนแม้เส้นเดียว ต้องอาบัติปาจิตตีย์ ให้ถอน
ขนหลายเส้น ต้องอาบัติปาจิตตีย์
อนาปัตติวาร
ภิกษุณีต่อไปนี้ไม่ต้องอาบัติ คือ
[801] 1. ภิกษุณีถอนขนเพราะอาพาธเป็นเหตุ1
2. ภิกษุณีวิกลจริต
3. ภิกษุณีต้นบัญญัติ
สิกขาบทที่ 2 จบ
เชิงอรรถ :
1 คือเพราะเป็นหิด เพราะคัน (วิ.อ. 2/801/489)
พระวินัยปิฎก ภิกขุนีวิภังค์ [4. ปาจิตติยกัณฑ์] 1.ลสุณวรรค สิกขาบทที่ 3 นิทานวัตถุ
1. ลสุณวรรค
สิกขาบทที่ 3
ว่าด้วยการสัมผัสองค์กำเนิด
เรื่องภิกษุณี 2 รูป
[802] สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อาราม
ของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตกรุงสาวัตถี ครั้งนั้น ภิกษุณี 2 รูปถูกความไม่ยินดี
บีบคั้น จึงเข้าไปสู่ห้องชั้นในแล้วใช้ฝ่ามือตบองค์กำเนิดกัน ภิกษุณีทั้งหลายพากัน
วิ่งเข้าไปตามเสียงนั้นแล้ว ได้กล่าวกับภิกษุณีทั้ง 2 รูปนั้นดังนี้ว่า แม่เจ้า ทำไม
พวกท่านจึงทำมิดีมิร้ายกับชายเล่า1
ภิกษุณีทั้งสองตอบว่า พวกดิฉันไม่ได้ทำมิดีมิร้ายกับชาย แล้วเล่าเรื่องนั้น
ให้ภิกษุณีทั้งหลายทราบ
บรรดาภิกษุณีผู้มักน้อย ฯลฯ พากันตำหนิ ประณาม โพนทะนาว่า ไฉน
ภิกษุณีทั้งหลายจึงใช้มือตบองค์กำเนิดกันเล่า ครั้นแล้ว ภิกษุณีเหล่านั้นได้นำเรื่อง
นี้ไปบอกภิกษุทั้งหลายให้ทราบ พวกภิกษุจึงได้นำเรื่องนี้ไปกราบทูลพระผู้มีพระภาค
ให้ทรงทราบ
ทรงประชุมสงฆ์บัญญัติสิกขาบท
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งให้ประชุมสงฆ์เพราะเรื่องนี้เป็นต้นเหตุ ทรง
สอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ภิกษุทั้งหลาย ทราบว่า ภิกษุณีทั้งหลายใช้ฝ่ามือตบ
องค์กำเนิดกัน จริงหรือ ภิกษุทั้งหลายทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า พระผู้
มีพระภาคพุทธเจ้าทรงตำหนิว่า ฯลฯ ภิกษุทั้งหลาย ไฉนภิกษุณีทั้งหลายจึงใช้ฝ่า
มือตบองค์กำเนิดกันเล่า ภิกษุทั้งหลาย การทำอย่างนี้ มิได้ทำคนที่ยังไม่เลื่อมใส
เชิงอรรถ :
1 หมายถึงมีความสัมพันธ์กันในทางชู้สาว