เมนู

พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ [5.ปาจิตติยกัณฑ์] 8.สหธรรมิกวรรค 10.ฉันทอทัตวาคมนสิกขาบท บทภาชนีย์
พระบัญญัติ
[480] ก็ ภิกษุใด เมื่อยังมีเรื่องที่ต้องวินิจฉัยในสงฆ์ ไม่ให้ฉันทะแล้ว
ลุกจากอาสนะจากไป ต้องอาบัติปาจิตตีย์
เรื่องพระฉัพพัคคีย์ จบ

สิกขาบทวิภังค์
[481] คำว่า ก็...ใด คือ ผู้ใด ผู้เช่นใด ฯลฯ นี้ที่พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ก็...ใด
คำว่า ภิกษุ มีอธิบายว่า ชื่อว่าภิกษุ เพราะเป็นผู้ขอ ฯลฯ นี้ที่พระผู้มีพระ
ภาคทรงประสงค์เอาว่า ภิกษุ ในความหมายนี้
ที่ชื่อว่า เรื่องที่ต้องวินิจฉัยในสงฆ์ ได้แก่ (1) เรื่องที่โจทก์แจ้งไว้ แต่ยังไม่ได้
วินิจฉัย (2) เรื่องที่ตั้งญัตติไว้แล้ว (3) กรรมวาจายังสวดค้างอยู่
คำว่า ไม่ให้ฉันทะแล้วลุกจากอาสนะจากไป คือ ภิกษุไปด้วยตั้งใจว่า
“ทำอย่างไร กรรมนี้พึงเสียหาย จะพึงแยกพวกกัน พึงทำไม่ได้” ต้องอาบัติทุกกฏ
กำลังละหัตถบาสที่ชุมนุมสงฆ์ ต้องอาบัติทุกกฏ ละหัตถบาสไปแล้ว ต้องอาบัติ
ปาจิตตีย์

บทภาชนีย์
[482] กรรมที่ทำถูกต้อง ภิกษุสำคัญว่าเป็นกรรมที่ทำถูกต้อง ไม่ให้ฉันทะ
ลุกจากอาสนะจากไป ต้องอาบัติปาจิตตีย์
กรรมที่ทำถูกต้อง ภิกษุไม่แน่ใจ ไม่ให้ฉันทะ ลุกจากอาสนะจากไป ต้องอาบัติ
ปาจิตตีย์


{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 2 หน้า :575 }


พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ [5.ปาจิตติยกัณฑ์] 8.สหธรรมิกวรรค 10.ฉันทอทัตวาคมนสิกขาบท อนาปัตติวาร
กรรมที่ทำถูกต้อง ภิกษุสำคัญว่าเป็นกรรมที่ทำไม่ถูกต้อง ไม่ให้ฉันทะ ลุก
จากอาสนะจากไป ไม่ต้องอาบัติ

ทุกกฎ
กรรมที่ทำไม่ถูกต้อง ภิกษุสำคัญว่าเป็นกรรมที่ทำถูกต้อง ต้องอาบัติทุกกฏ
กรรมที่ทำไม่ถูกต้อง ภิกษุไม่แน่ใจ ต้องอาบัติทุกกฏ
กรรมที่ทำไม่ถูกต้อง ภิกษุสำคัญว่าเป็นกรรมที่ทำไม่ถูกต้อง ไม่ต้องอาบัติ

อนาปัตติวาร
ภิกษุต่อไปนี้ไม่ต้องอาบัติ คือ
[483] 1. ภิกษุจากไปด้วยคิดว่า “สงฆ์จักมีความบาดหมาง ทะเลาะ
ขัดแย้งหรือวิวาทกัน”
2. ภิกษุจากไปด้วยคิดว่า “สงฆ์จักแตกแยก จักร้าวราน”
3. ภิกษุจากไปด้วยคิดว่า “สงฆ์จักทำกรรมโดยไม่เป็นธรรม แยก
พวกกันทำ หรือทำแก่ภิกษุผู้ไม่ควรแก่กรรม”
4. ภิกษุเป็นไข้จึงจากไป
5. ภิกษุจากไปด้วยกิจที่จำเป็นของภิกษุผู้เป็นไข้
6. ภิกษุปวดอุจจาระปวดปัสสาวะแล้วจากไป
7. ภิกษุไม่ตั้งใจทำให้กรรมเสีย จากไปด้วยคิดว่าจะกลับมาอีก
8. ภิกษุวิกลจริต
9. ภิกษุต้นบัญญัติ

ฉันทอทัตวาคมนสิกขาบทที่ 10 จบ

{ที่มา : โปรแกรมพระไตรปิฎกภาษาไทย ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่ม : 2 หน้า :576 }